นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2551 ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ได้มีโอกาสหารือร่วมกับนาย ลี ยอง รมช.คลังของจีน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับวิกฤติการเงินโลก และจีนเห็นว่าควรเร่งผลักดันกลไกเฝ้าระวังของกลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ การผลักดัน CMI Multilateralisation (มาตรการริเริ่มที่เชียงใหม่) ให้เป็นผลสำเร็จ
รมช.คลังของจีน ได้สนับสนุนแนวคิดที่ฝ่ายไทย เสนอให้ประเทศในกลุ่ม อาเซียน +3 นำเงินสำรองระหว่างประเทศส่วนเกินมาจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนา มีรูปแบบการทำหน้าที่ คล้ายธนาคารโลกละกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือประเทศที่มีปัญหาจากวิกฤติการเงินโลก โดยให้กู้ทั้งรูปแบบระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งรมว.คลังจะได้นำแนวคิดดังกล่าว นำหารือแก่ผู้นำกลุ่มอาเซียน+3 ในเวทีระดับโลกอื่นๆ ต่อไป
"กองทุนที่เรานำเสนอก็คล้ายกับที่ทางผู้นำของฟิลิปปินส์เสนอตั้งกองทุนเช่นกัน แต่เป็นคนละกองกัน แต่ถือเป็นเรื่องที่ดีที่กลุ่มอาเซียนจะได้มีความร่วมมือ ป้องกันวิกฤติการเงินโลก แม้เรื่องนี้จะยังไม่มีข้อสรุป แต่จะได้นำเสนอต่อประเทศอื่นๆ ต่อไป"นายสุชาติ กล่าว
รมว.คลัง กล่าวอีกว่า เวทีการประชุมเดียวกันนายฮาราฮิโก คูโรดะ ประธาน ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเซีย (ADB) ได้กล่าวเตือนไทยให้ระวังผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลกที่จะลุกลามมาถึงระบบการเงินของไทยและเอเซีย และชี้แจงถึงความจำเป็นที่ให้สมาชิก ADB เพิ่มทุนเพื่อเตรียมพร้อมกับการดำเนินกิจการในภาวะปัจจุบัน
และADB พร้อมสนับสนุนด้านการเงินแก่ไทย เพื่อใช้โครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ และสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจัดงาน Regional Public Debt Management Office Forum เชิญผู้แทนสำนักงานบริหารหนี้จากประเทศสมาชิก อาเซียน +3 แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรื่อง Financing Infrastructure in Asia ที่จะจัดขึ้นต้นปี 2552
ด้านนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กล่าวว่า ธนาคารโลกและ ADB พร้อมสนับสนุนเงินกู้แก่ไทย วงเงินรวม 1,500 ล้านดอลลาร์เป็น Programe Loan เพื่อใช้ก่อสร้างรถไฟฟ้า ระบบราง ระบบลอจิสติกส์ แต่ไทยต้องสร้างกลไกการใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ และโปร่งใส