อีริค โรเซนเกรน ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตันเปิดเผยว่า มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคารรวมถึงการทุ่มเทความพยายามอย่างสุดความสามารถของรัฐบาลสหรัฐเพื่อหวังที่จะปลดชนวนปัญหาในตลาดสินเชื่อนั้น อาจช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นได้ในปีหน้า
แผนการซื้อหุ้นในธนาคารของสหรัฐมูลค่า 2.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐจะช่วยสร้างความมั่นใจว่า สถาบันการเงินมีเงินทุนมากพอที่จะออกเงินกู้ ซึ่งจะช่วยสกัดกั้นปัญหาร้ายแรงที่อาจทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ข้อคิดเห็นของนายโรเซนเกรนที่มีขึ้นล่าสุดออกมาในทิศทางเดียวกับนายแกรี่ สเติร์น ผู้ว่าฯเฟดสาขามินนิอาโพลิสที่คาดว่าแผนการช่วยเหลือของรัฐบาลจะช่วยป้องกันวิกฤตสินเชื่อได้ แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับคืนมาได้ในทันที นอกจากนี้ ประธานเฟดสาขาบอสตันยังกล่าวด้วยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังเคลื่อนไหวลงสู่จุดต่ำสุดเพื่อรอวันที่จะดีดตัวขึ้นมา ซึ่งผู้ซื้อบ้านควรมีความเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะสามารถขอเงินกู้เพื่อนำมาจำนองบ้านได้
"มีความกังวลอยู่เล็กน้อยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดเงินที่ร่วงลงกำลังแผ่ขยายวงกว้างลุกลามไปยังภาคธุรกิจอื่นๆในระบบเศรษฐกิจหรือไม่ แต่ขณะนี้เรากำลังดำเนินมาตรการที่เหมาะสมและเชื่อว่าแผนการดังกล่าวจะช่วยปกป้องมิให้วิกฤตการณ์บานปลาย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเศรษฐกิจจะสามารถกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในปีหน้า" โรเซนเบิร์กกล่าว
ขณะเดียวกันนายโดนัลด์ คอห์น รองประธานเฟดแถลงวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังเผชิญช่วงเวลาของความวิตกกังวลด้านการปล่อยสินเชื่อเป็นเวลายาวนานที่อาจส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่อไปอีก แต่เชื่อว่าสหรัฐกำลังเดินมาถูกทางแล้ว ซึ่งผลลัพท์จากการดำเนินมาตรการที่เด็ดขาดและเหมาะสมจะต้องอาศัยเวลาเพื่อให้ตลาดกลับคืนสู่ภาวะปกติ