นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการครั้งแรกว่า เชื่อว่ายอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปีนี้คงจะไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้แล้ว เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอ และการเมือง โดยคาดว่าจะทำได้เพียง 4 แสนล้านบาท ซึ่ง 9 เดือนที่ผ่านมามียอดแล้ว 3.9 แสนล้านบาท
ขณะที่ พล.ต.ประชา พรหมนอก รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ในปี 52 ตั้งเป้ายอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนไว้ที่ระดับ 6 แสนล้านบาทบอร์ดใหม่บีโอไอ ประเดิมอนุมัติ 5 โครงการ มูลค่ากว่าหมื่นล้าน
โดยวันนี้ บอร์ดบีโอไอชุดใหม่อนุมัติส่งเสริมการลงทุน 5 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 11,663 ล้านบาท ประกอบด้วย บริษัท เมโทร ปาร์ติเกิล จำกัด ได้รับการส่งเสริมลงทุนเพื่อขยายกิจการผลิตแผ่นไม้อัดปาร์ติเกิลบอร์ด ชนิดเปลือยและชนิดปิดผิว มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท มีกำลังการผลิต 420,000 ลูกบาศก์เมตร ตั้งโรงงานที่ จ.นนทบุรี มีสัดส่วนการส่งออกทั้งในและต่างประเทศอย่างละ 50% ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ มาเลเซีย และไต้หวัน ส่วนตลาดในประเทศ ได้แก่ บริษัทผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ เช่น บริษัท เอสบีเฟอร์นิเจอร์ บริษัท โมเดอร์นฟอร์ม เป็นต้น
บริษัท ขอนแก่นกล๊าส อินดัสทรี จำกัด ได้รับการส่งเสริมลงทุนเพื่อขยายกิจการผลิตขวดแก้ว มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,720 ล้านบาท มีกำลังการผลิตประมาณ 420.78 ล้านใบต่อปี ตั้งโรงงานที่ จ.ขอนแก่น โดยจะมีการใช้เทคโนโลยีใหม่ของเยอรมนี มีกลุ่มลูกค้าเป็นบริษัทผลิตสุรา เครื่องดื่มบำรุงกำลัง และอุตสาหกรรมอาหาร เป็นหลัก
บริษัท สยามอุตสาหกรรมยิปซัม(สระบุรี) จำกัด ได้รับการส่งเสริมลงทุนเพื่อขยายกิจการผลิตแผ่นยิปซั่มเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,095 ล้านบาท กำลังการผลิตปีละประมาณ 227,500 ตัน หรือประมาณ 35 ล้านตารางเมตร ตั้งโรงงานที่เขตอุตสาหกรรมของบริษัท เอสไอแอล ที่ดินอุตสาหกรรม จำกัด จ.สระบุรี โดยใช้เทคนิคเผาแร่แบบใหม่ที่ใช้ความร้อนสัมผัสกับแร่ยิปซั่มโดยตรง ทำให้ประหยัดพลังงานกว่าแบบเดิมที่ใช้ความร้อนส่งผ่านจากก้นเตาไปยังแร่ยิปซั่ม
นายฮิโรโนริ นิชิกูชิ ได้รับการส่งเสริมผลิตชิ้นส่วนเหล็กหล่อ มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 2,816 ล้านบาท ตั้งโรงงานที่ จ.ฉะเชิงเทรา กำลังการผลิต 30,000 ตันต่อปี โดยโครงการนี้จะผลิตชิ้นส่วนเหล็กหล่อสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเครื่องยนต์ดีเซลอเนกประสงค์ และชิ้นส่วนรถแทรกเตอร์ เช่น เสื้อสูบ ฝาครอบล้อ เสื้อเกียร์ และเสื้อคลัตช์ เป็นต้น
และ บริษัท พีทีที ยูทิลิตี้ จำกัด ได้รับการส่งเสริมลงทุนเพื่อขยายกิจการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ ไอน้ำ และน้ำร้อน มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 4,032 ล้านบาท ตั้งโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก จ.ระยอง กำลังการผลิตไฟฟ้า 90.2 เมกะวัตต์ โดยโครงการนี้ใช้กระบวนการผลิตแบบโรงงานไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม เพื่อจำหน่ายให้แก่โรงงานปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ที่ตั้งในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช