กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการสร้างบ้านใหม่ประจำเดือนก.ย.ร่วงลง 6.3% แตะที่ 817,000 ยูนิต/ปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยับลงเพียง 2.6% แตะระดับ 872,000 ยูนิต
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐตกต่ำลงมากที่สุดในรอบหลาย 10 ปี เนื่องจากประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินกู้ยากขึ้นนับตั้งแต่ทางการสหรัฐประกาศใช้มาตรการเข้มงวดในการปล่อยกู้ หลังจากเกิดวิกฤตการณ์ในตลาดซับไพรม์ นอกจากนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับผลกระทบรุนแรงจากราคาที่อยู่อาศัยที่ทรุดตัวลงด้วย
ตัวเลขสร้างบ้านใหม่ที่ร่วงลงเกินความคาดหมายของสหรัฐเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง 127.04 จุด หรือ 1.41% ปิดที่ 8,852.22 จุดเมื่อคืนนี้
เทอร์ริน กริฟฟิธส์ นักวิเคราะห์จากบริษัท California Credit Union League กล่าวว่า "บริษัทก่อสร้างบ้านยังคงเจอบททดสอบที่ยากในเรื่องการดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อ หลังจากตลาดหุ้นทรุดตัวลงอย่างหนักในเดือนนี้ ประกอบกับธนาคารกำหนดคุณสมบัติของผู้กู้อย่างเข้มงวดขึ้น ส่งผลให้การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ยากขึ้นด้วย เราคาดว่าตัวเลขการก่อสร้างที่ร่วงลงจะยังคงส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไปจนถึงปีพ.ศ.2552
"เราคาดว่าตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะลดลงอีกใน 2-3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากวิกฤตการณ์สินเชื่อยังไม่คลี่คลายและเศรษฐกิจชะลอตัวลง สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ยังคงย่ำแย่" กริฟฟิธส์กล่าว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน