นายสุชาติ ธาดาดำรงเวช รมว.คลัง มองเศรษฐกิจปี 52 อาจขยายตัวได้ไม่ถึง 4% ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งให้เกิดความเชื่อมั่นกับประชาชน และนักลงทุน โดยดูแลทั้งภาค Real Sector และ ภาคการเงิน ทั้งนี้คาดว่าปี 52 มูลค่าการส่งออกจะขยายตัวลดเหลือเพียง 10% จากปี 51 ที่ขยายตัวได้ถึง 25% จึงเป็นห่วงภาคการจ้างงานที่อาจได้รับกระทบ
รม.คลัง เห็นว่า เงินบาทควรอ่อนตัวค่าลง 5% จากมูลค่าที่แท้จริง (under value) เพื่อทำให้มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นได้อีก 10% ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยไม่ควรอยู่ระดับสูง นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ควรใช้นโยบายแลกเปลี่ยนอย่างมีเป้าหมาย
"จีนก็มีนโยบายให้ค่าเงินหยวน under value ซึ่งเห็นว่า ไทยก็น่าจะนำนโยบายนี้มาใช้ได้บ้าง แต่เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้น ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องควรนำไปพิจารณา" รมว.คลัง กล่าว
ส่วนการดูแลภาคการเงิน นายสุชาติ เห็นว่า รัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฝากเงินท่ามกลางปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินในต่างประเทศ จึงมีแนวคิดที่จะเสนอให้ขยายเวลาคุ้มครองเงินฝาก 100% จากเดิม 1 ปีตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.สถาบันประกันเงินฝาก ให้เป็น 3 ปี โดยเรื่องนี้จะนำไปหารือกับนายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นมาตรการการดูแลสถาบันการเงินและสภาพคล่องในระบบ
รวมทั้ง จะเสนอให้มีระบบการรับประกันการกู้เงินระหว่างธนาคาร(Interbank) เพื่อไม่ให้เกิดความกังวลของการกู้เงินระหว่างธนาคารขนาดใหญ่และขนาดเล็ก รวมทั้ง ควรจะมีการชะลอการใช้หลักเกณฑ์กำกับดูแลตามมาตรฐาน Basel II ที่จะเริ่มมีผลในเดือนธ.ค.นี้ เนื่องจากเห็๋นว่าในต่างประเทศยังมีปัญหาในเรื่องการเงิน และบางประเทศก็ยังไมได้เริ่มใช้มาตรฐานดังกล่าว