นายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศให้การรับรองนายโดมินิก สเตราส์-คาห์น ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไออ็มเอฟ) ที่กำลังถูกสอบสวนเรื่องการใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ ด้วยการมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับผู้ใต้บังคับบัญชาหญิง
"ผมมั่นใจว่าผลการสอบสวนครั้งนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า โดมินิก สเตราส์-คาห์น ไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบตามที่ถูกกล่าวหา" นายทริเชต์กล่าวทางสถานีวิทยุ RTL ของฝรั่งเศส
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า สเตราส์-คาห์น ถูกสอบสวนเรื่องการใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ ด้วยการมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับผู้ใต้บังคับบัญชาหญิง โดยไอเอ็มเอฟขอให้บริษัทกฎหมาย มอร์แกน ลิวอิส แอนด์ บอคเคียส แอลแอลพี เป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนเรื่องนี้ ซึ่งพุ่งเป้าไปที่ความสัมพันธ์ของนายสเตราส์-คาห์น กับนางปิโรสกา นากี อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงชาวฮังการีในแผนกแอฟริกาของไอเอ็มเอฟซึ่งเป็นภรรยานายมาริโอ เบลเจอร์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางอาร์เจนตินา
รายงานระบุว่า นายสเตราส์-คาห์น และนางนากี ได้ส่งอีเมลหากันหลายฉบับซึ่งเนื้อหาของอีเมลบ่งชี้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งเกินฐานะผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา
ด้านนายสเตราส์-คาห์น เปิดเผยว่า เขาจะให้ความร่วมมือเต็มที่ในการสอบสวนครั้งนี้และยินดีจะให้ความร่วมมือในครั้งต่อๆไป พร้อมกับยืนยันว่าเขาไม่ได้ใช้อำนาจในทางที่ผิด ทั้งนี้ คาดว่าการสอบสวนจริยธรรมของผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนนี้
การสอบสวนดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่นายสเตราส์-คาห์น พยายามปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศต่างๆที่ได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤตการณ์การเงิน โดยเฉพาะไอร์แลนด์ ยูเครน และฮังการี ที่วางแผนจะขอกู้เงินจากไอเอ็มเอฟเพื่อพยุงเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากภาวะถดถอย ซึ่งนายสเตราส์-คาห์นคาดว่า ยอดเงินกู้ก้อนนี้จะบานปลายกลายเป็นเงินหลายแสนล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ตั้งงบไว้เพียง 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ นายสเตราส์-คาห์นกล่าวว่า ไอเอ็มเอฟกำลังตรวจสอบเหตุการณ์ใน "ชีวิตส่วนตัวของเขา" ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนม.ค. แต่เขามั่นใจว่าผลการสอบสวนจะกลับเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเขาบริสุทธิ์และไม่เคยใช้อำนาจผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟประพฤติในสิ่งมิชอบ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กรณีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นกับผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟเป็นเหตุการณ์ที่คล้ายกับเมื่อครั้งที่นายพอล โวลโฟวิทช์ ประธานธนาคารโลก ถูกคณะกรรมาธิการฝ่ายบริหารของธนาคารโลกสอบสวนหลังจากพบว่า นายโวลโฟวิทช์เลื่อนตำแหน่งให้แก่นางสาวชาน่า ริซ่า อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารของธนาคารโลก ซึ่งเป็นคนรัก ให้ไปทำงานในกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และยังขึ้นเงินเดือนให้ ซึ่งเป็นการดำเนินการโดยไม่ผ่านการพิจารณาทบทวนของคณะกรรมาธิการบริหารของธนาคารโลก
กรณีอื้อฉาวของนายโวลโฟวิทช์ได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการประชุมรอบครึ่งปีของธนาคารโลกและการประชุมไอเอ็มเอฟในช่วงกลางปีพ.ศ.2550