สมาคมนักการธนาคารแห่งสหรัฐ (ABA) เรียกร้องให้นายเฮนรี่ พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐให้ความชัดเจนถึงแผนฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งชี้แจงให้ประชาชนชาวอเมริกันรับทราบถึงวัตถุประสงค์ของมาตรการดังกล่าว
เจ้าหน้าที่กำกับดูแลภาคการธนาคารเปิดเผยว่า นายพอลสันได้จัดสรรเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อใช้ในแผนซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์ในธนาคารเพื่อให้ธุรกิจดังกล่าวสามารถเพิ่มวงเงินกู้ให้แก่ลูกค้าและการดำเนินธุรกิจได้ ขณะที่สถาบันการเงินรายใหญ่ที่สุด 9 แห่ง ได้แก่ ซิตี้กรุ๊ป, เจพีมอร์แกน, แบงก์ ออฟ อเมริกา, โกลด์แมน แซคส์ อิงค์, เวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค, เมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค, มอร์แกน สแตนลีย์ และแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน คอร์ป เห็นพ้องที่จะใช้เงิน 1.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินจำนวนที่เหลือจะนำไปใช้กับสถาบันการเงินรายอื่นๆ
ธนาคารที่เข้าร่วมในมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากปัญหาได้โดยอัตโนมัติ เอ็ดเวิร์ด ยิงหลิง ประธานของสมาคมนักการธนาคารกลางแห่งสหรัฐกล่าว ขณะที่ท่าทีที่ขัดแย้งกันของเจ้าหน้าที่และผู้กำกับนโยบายในการเพิ่มความเข้มงวดให้กับสถาบันการเงินที่เข้ารับความช่วยเหลือครั้งนี้อาจไม่ช่วยสร้างแรงกระตุ้นให้ธนาคารเข้าร่วมโครงการนี้มากนัก
อย่างไรก็ตาม เมื่อประเมินจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว ธนาคารหลายแห่งยังคงต้องเผชิญอุปสรรคในการระดมเงินทุนล็อตใหม่ๆ แต่ธนาคารเหล่านี้อาจออกเงินกู้ได้เพิ่มมากขึ้น หากเข้าร่วมรับความช่วยเหลือจากมาตรการของกระทรวงการคลังสหรัฐ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน