จอห์น เธน ซีอีโอของเมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค คาดการณ์ว่าการทำข้อตกลงควบรวมกิจการกับแบงก์ ออฟ อเมริกามูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นจะส่งผลให้มีการปรับลดพนักงานหลายพันตำแหน่ง
การปรับลดพนักงานครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่แผนกไอที ฝ่ายปฏิบัติการและแผนกการเงินเป็นส่วนใหญ่ แต่จะไม่มีแผนปรับลดพนักงานในฝ่ายการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และธุรกรรมตราสารที่ให้ผลตอบแทนคงที่
"เรายังไม่ได้กำหนดตัวเลขที่แน่นอนในการปรับลดจำนวนพนักงาน แต่ต้องรักษาเงินจำนวน 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการปรับลดขนาดองค์กรโดยรวม ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นที่มีความท้าทายและเป็นไปได้ว่าบริษัททั้งสองจะต้องปรับลดพนักงานลงถึงหลักพันอย่างแน่นอน" เธียนกล่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายจอห์น เธน ซีอีโอวัย 53 ปีได้เข้าหารือกับนายเคนเนธ เลวิส ซีอีโอของแบงก์ ออฟ อเมริกา เพื่อเสนอข้อตกลงควบรวมกิจการเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากวิกฤติความเชื่อมั่นในวอลล์สตรีทได้บีบคั้นให้เลห์แมน บราเธอร์ส ต้องประสบภาวะล้มละลายและทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ตามมาว่า เมอร์ริล ลินช์ เสี่ยงที่จะเผชิญความผันผวนด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับลดพนักงานกว่า 5,000 ตำแหน่งในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมาเพื่อหวังที่จะควบคุมค่าใช้จ่ายต้นทุนท่ามกลางปัญหาตลาดสินเชื่อตึงตัว
อย่างไรก็ดี นายเธนคาดว่า แบงก์ ออฟ อเมริกาจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในช่วง 6-12 เดือนต่อจากนี้ หลังจากที่รัฐบาลยุโรปและสหรัฐอัดฉีดเงินหลายล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบธนาคารเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อควบคุมวิกฤตสินเชื่อไม่ให้ลุกลามมากขึ้น ขณะที่รัฐบาลสหรัฐจะอัดฉีดเงิน 1.25 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่สถาบันการเงินหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงการอัดฉีดเงินให้กับแบงก์ ออฟ อเมริกาและเมอร์ริล ลินช์เป็นมูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ