เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเยนในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวเช้านี้ (21 ต.ค.) ขานรับถ้อยแถลงของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ออกโรงสนับสนุนให้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับที่สอง จนทำให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐกันอย่างคึกคักแม้อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์จะปรับตัวลดลงก็ตาม
ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 102.00 เยนต่อดอลลาร์ ขณะที่เงินยูโรเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ระดับ 1.3340 ดอลลาร์ต่อยูโร และเคลื่อนไหวที่ 135.94 เยนต่อยูโร
ด้านสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงไปสู่ระดับ 71.05 เยนต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย
จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา รวมถึงกระแสคาดการณ์ที่ว่าทั่วโลกจะเร่งผ่อนคลายนโยบายทางการเงินโดยเฉพาะธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ย้ำจุดยืนหนักแน่นที่จะปรับลดดอกเบี้ยนั้นล้วนเป็นปัจจัยหนุนต่อสกุลเงินดอลลาร์
ขณะเดียวกันนักลงทุนยังมีความต้องการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยงอย่างสกุลเงินดอลลาร์ควบคู่ไปกับเงินเยนท่ามกลางภาวะตลาดสินเชื่อตึงตัวและบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะนี้ยังมีความผันผวน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงเทขายสินทรัพย์ในรูปเงินสด ขณะที่กำลังเบนเป้าจากที่เคยจับตาดูกระแสความวิตกกังวลภาวะเลวร้ายในตลาดสินเชื่อมาเป็นการจับตาพื้นฐานเศรษฐกิจและการใช้นโยบายทางการเงินแทน
ทั้งนี้ เบอร์นันเก้คาดว่า เศรษฐกิจจะอ่อนแอลงในอีกหลายไตรมาสและยังเผชิญความเสี่ยงที่จะฉุดรั้งให้เผชิญช่วงขาลง ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมกับเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายในวันอังคารและวันพุธหน้า
ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่เงินดอลลาร์สหรัฐสามารถฝ่าแรงกดดันจากกระแสความวิตกที่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกฉบับจะทำให้การขาดดุลงบประมาณมากขึ้นนั้น แสดงให้เห็นว่าระบบการเงินยังต้องการใช้เงินดอลลาร์เป็นจำนวนมากเพื่อนำไปชำระบัญชี จึงทำให้มีการเข้าซื้อเงินดังกล่าวจนพุ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ