องค์กรแรงงานระหว่าง (ILO) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ชะลอตัวลงอาจส่งผลให้อัตราว่างงานพุ่งสูงขึ้นและบั่นทอนความสามารถด้านการแข่งขันของภูมิภาคแห่งนี้
รายงานของ ILO ระบุว่า อัตราว่างงานใน 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนอาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 6.2% ในพ.ศ.2552 จากยอดปีที่แล้วที่ระดับ 5.7% พร้อมกล่าวว่า กลุ่มอาเซียนควรเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตเพื่อให้ทัดเทียมกับจีนที่มีอัตราผลผลิตแซงหน้าประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เกกอร์รี ซีราสกี้ หัวหน้านักวิเคราะห์ของ ILO กล่าวว่า เศรษฐกิจเอเชียชะลอตัวลงอย่างมาก เนื่องจากยอดส่งออกทรุดตัวลง ซึ่งเป็นผลพวงจากวิกฤตสินเชื่อทั่วโลกที่สร้างความเสียหายต่อระบบการธนาคารทั้งในสหรัฐและยุโรป จนทำให้หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยอมเปิดตลาดกว้างขึ้นเพื่อที่จะจัดตั้งเขตเศรษฐกิจแบบเดียวกับในสหภาพยุโรปภายในปีพ.ศ.2558
"การพึงพาการส่งออกและการลงทุนจากต่างประเทศมากเกินไปยิ่งส่งผลให้เศรษฐกิจเอเชียเปราะบางมากขึ้นในยามที่เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง เราคิดว่าเอเชียควรปรับปรุงประสิทธิภาพด้านแรงงานและสนับสนุนการรวมตัวกันในภูมิภาค เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นและปกป้องผลประโยชน์ของภูมิภาค อีกทั้งจะช่วยสร้างเสภียรภาพอย่างยั่งยืนและกระตุ้นเศรษฐกิจเอเชียให้ขยายตัวต่อเนื่องได้" ซีราสกี้กล่าว
ก่อนหน้านี้ ผู้นำในกลุ่มอาเซียนกล่าวว่า เอเชียจำเป็นต้องปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการแข่งขันให้ทัดเทียมกับจีนและอินเดียซึ่งเศรษฐกิจขยายตัวรวดเร็วที่สุดในโลก ทั้งนี้ก็เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากประเทศทั่วโลก โดยอาเซียนซึ่งประกอบไปด้วย ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม มีตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมกว่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีประชากรรวมกันราว 570 ล้านคน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน