นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เห็นด้วยกับแนวคิดของรมว.คลังที่เสนอให้บริหารค่าเงินบาทให้ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง 5 % เพื่อผลักดันการส่งออก เนื่องจากเชื่อว่าการส่งออกของไทยในปีหน้าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลกรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดหลักอย่างสหรัฐ ญี่ปุ่น และยุโรป ซึ่งจะมีการแข่งขันด้านราคาสูงขึ้น เพราะยอดคำสั่งซื้อลดลง
"การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนให้ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง 5-10% จึงถือเป็นวิธีที่เหมาะสม เพราะคู่ค้าต่างประเทศก็อาจมีการดำเนินการด้วยวิธีนี้อยู่แล้ว จะทำให้ไทยเสียเปรียบทางการค้า ขณะเดียวกันก็ควรจะต้องมีการดูแลอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการขาดสภาพคล่อง"นายสันติ กล่าว
ขณะนี้ผู้ประกอบการหลายกลุ่มเริ่มมียอดคำสั่งซื้อลดลง โดยบางรายมียอดคำสั่งซื้อหายไปกว่า 20-50 % แล้ว ดังนั้นจึงอยากให้ภาครัฐเร่งหามาตรการรองรับ เพราะไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อภาคการจ้างงานจำนวนมากในอนาคต
ประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ควรจะรับฟังข้อมูลจากหน่วยงานอื่นเพื่อนำมาประเมินสถานการณ์และช่วยเหลือผู้ส่งออกด้วย ทั้งเรื่องการบริหารอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงแนวคิดการยืดระยะเวลาค้ำประกันเงินฝากออกไปอีก 3 ปี เพราะเชื่อว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้เป็นอย่างดี
สำหรับดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.ย.ที่ปรับตัวลดลงจากเดือน ส.ค.เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านการเมืองที่กลับมารุนแรงมากขึ้น และปัญหาวิกฤตการเงินโลกทำให้ดัชนียอดคำสั่งซื้อและดัชนียอดขายโดยรวมทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลง
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเห็นสอดคล้องกันว่าภาครัฐควรเร่งแก้ปัญหาทางการเมืองอย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและนักลงทุน พัฒนาระบบโลจิสติกส์ในประเทศให้มีประสิทธิภาพ ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในประเทศเพื่อเสริมสภาพคล่องแก่อุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อม พัฒนาแรงงานฝีมือ รวมทั้งเทคโนโลยีในการผลิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ และดูแลเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนอย่าให้มีความผันผวน โดยคงระดับไว้ที่ 33-35 บาท