ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางในประเทศอื่นๆรอบนอกเขตแดนสหรัฐจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก เพื่อรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินฟรังค์ที่ระดับ 1.1531 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.1484 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 100.19 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 101.89 เยน/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.3055 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3342 ดอลลาร์/ยูโร และเงินปอนด์ดิ่งลงแตะระดับ 1.6688 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.7187 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลงแตะระดับ 0.6075 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.6225 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.6743 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7054 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
เบเนดิค เจอร์มาเนียร์ นักวิเคราะห์จาก UBS AG ในรัฐคอนเน็กติกัต กล่าวว่า กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะซบเซาของเศรษฐกิจทั่วโลกส่งผลให้นักลงทุนเทขายสกุลเงินอื่นๆและหันเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อัดฉีดสภาพคล่องล็อตใหม่เพื่อคลี่คลายภาวะตึงตัวในตลาดการเงิน และการที่ประธานเฟดประกาศจุดยืนชัดเจนที่จะสนับสนุนให้สภาคองเกรสอนุมัติใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสอง ยิ่งทำให้ดอลลาร์สหรัฐน่าดึงดูดใจมากขึ้น
เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด เรียกร้องสภาคองเกรสให้พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่สอง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ โดยเขาแนะนำว่ามาตรการฉบับนี้ครอบคลุมถึงการเปิดทางให้ผู้บริโภค, กลุ่มผู้ซื้อบ้าน ภาคธุรกิจ และประชาชนทั่วไป เข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ดีและทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย
ความเคลื่อนไหวของเบอร์นันเก้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากสมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรคเดโมแครต โดยนายจอห์น สแปรท ประธานคณะกรรมาธิการด้านงบประมาณแห่งสภาคองเกรส กล่าวว่า "เบอร์นันเก้พยายามหาทางป้องกันก่อนที่จะสายเกินแก้ นี่เป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของเขา ผมคาดว่าสภาคองเกรสมีแนวโน้มอนุมัติมาตรการรอบสอง เพราะเมื่อเบอร์นันเก้สนับสนุนแผนการใดๆก็ตาม สภาคองเกรสมักจะรับฟัง"
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางแคนาดาประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.25% เมื่อวานนี้ และกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางในประเทศอื่นๆ จะลดดอกเบี้ยอีกในปีนี้