หนังสือพิมพ์บิสิเนสเวิลด์ของฟิลิปปินส์รายงานว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวทั่วโลกยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะขยายตัวในระดับที่ช้าลง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่เลวร้าย
ฟรานเชสโก ฟรานจิอัลลี เลขาธิการองค์กรการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) กล่าวถึงการขยายตัวธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับอานิสงส์จากรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในยุคสมัยใหม่ว่า กลุ่มชนชั้นกลางและครอบครัวนักธุรกิจวัยหนุ่มสาวจากประเทศเกิดใหม่ในเอเชีย และกลุ่มคนวัยเกษียณจากยุคเบบี้บูมของชาติยุโรปและอเมริกาเหนือเป็นกลุ่มคนที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ขยายตัวได้อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
"ประชาชนในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วต่างมองว่า การท่องเที่ยวในวันหยุดมีความสำคัญต่อชีวิต แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังต้องการที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการมองหาสายการบินและที่พักที่ราคาถูกลง หรืออาจเลื่อนการเดินทางหากมีทางเลือกที่ดีกว่า" ฟรานจิอัลลีกล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ยอดนักท่องเที่ยวขาเข้าขยายตัวในอัตราเฉลี่ยที่ 7% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยเมื่อปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวขาเข้าเพิ่มขึ้น 6.6% แตะที่ 903 ล้านคน และรายได้จากการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติขยายตัวขึ้น 5.6% แตะที่ 8.56 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และจนถึงเดือนส.ค.ปีนี้ ยอดนักท่องเที่ยวขาเข้ามีจำนวนเพิ่มขึ้น 3.8%
ทั้งนี้ จากข้อมูลดังกล่าวทำให้เลขาฯ UNWTO มองว่า ตัวเลขดังกล่าวขยายตัวน้อยกว่าเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นระดับที่เลวร้าย ซึ่งเขาคาดว่าภาคธุรกิจการท่องเที่ยวจะขยายตัวขึ้น 3-4% ในปีนี้
อย่างไรก็ดี ฝรั่งเศสยังครองความเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอันดับหนึ่งเมื่อปีที่ผ่านมา ตามด้วยสเปนและสหรัฐอเมริกา ขณะที่ในทวีปเอเชียนั้นมีประเทศจีนเป็นหัวหอกในการต้อนรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในปีนี้