นักวิเคราะห์หลายสำนักเริ่มมีกระแสคาดการณ์เพิ่มมากขึ้นว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.25% จากเดิมที่ 0.5% ในช่วงสิ้นปีนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าระบบเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลกจะเผชิญภาวะถดถอยที่ยืดเยื้อยาวนาน
บีโอเจไม่ได้เป็นหนึ่งในธนาคารที่ปรับลดดอกเบี้ยในเดือนนี้เหมือนอย่างที่ธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศอเมริกาเหนือและยุโรปพร้อมใจกันปรับลดดอกเบี้ย โดยบีโอเจให้เหตุผลว่า อัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นอยู่ในระดับที่ต่ำมากอยู่แล้ว ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่า ภาวะเช่นนี้อาจทำให้ญี่ปุ่นมีทางเลือกไม่มากนักในช่วงเวลาที่เหลืออีกเพียงไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่ตลาดหุ้นดำดิ่งลงและเงินเยนแข็งค่าขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนกดดันให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเผชิญภาวะซบเซา
ทั้งนี้ ความปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดเงินอาจกดดันให้นายมาซากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการบีโอเจและเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินปรับลดคาดการณ์แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ด้วยเช่นกัน หลังจากที่สัปดาห์นี้ รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่งออกมายอมรับว่า เศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี เมื่อพิจารณาจากตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมที่หดตัวลงช่วงไตรมาสที่สอง ขณะที่ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรและการใช้จ่ายภาคครัวเรือนปรับตัวลดลงในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
"ความเคลื่อนไหวของเงินเยนที่พุ่งขึ้นสวนทางกับตลาดหุ้นที่ร่วงลงทำให้หลายฝ่ายเกิดความวิตกกังวลต่อระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจของญี่ปุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ" จุน ฟูกาชิโร่ ผู้จัดการกองทุนอาวุโสของ Toyota Asset Management Co. ในโตเกียวกล่าว "การปรับลดดอกเบี้ยของบีโอเจดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และตลาดเองก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้น"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในเดือนนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวดำดิ่งลงไปแล้ว 25% ขณะที่เงินเยนแข็งค่าขึ้น 8.7% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐและพุ่งขึ้น 19% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร