นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารนโนยบายพลังงาน(กบง.) เห็นชอบให้เพิ่มการจัดเก็บเงินที่ได้จากการจำหน่ายน้ำมันเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเรียกเก็บเพิ่มจากน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ออกเทน 95 ลิตรละ 1 บาท, แก๊สโซฮอล์ ออกเทน 91 ลิตรละ 90 สตางค์ และดีเซล บี 2 ลิตรละ 50 สตางค์ โดยมีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้(25 ต.ค.)เป็นต้นไป
ส่วนแก๊สโซออล์ อี20 ลดการชดเชยจากลิตรละ 30 สตางค์ เหลือแค่ 15 สตางค์ ส่วนดีเซล บี 5 ชดเชยในอัตราลิตรละ 20 สตางค์เท่าเดิม เพื่อให้เกิดแรงจูงใจกับผู้ใช้ ขณะที่เบนซิน ออกเทน 95 และ 91 เก็บเต็มเพดานที่ 4 บาท/ลิตรไม่ขยายเพดานการจัดเก็บ
สำหรับสาเหตุที่มีการปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างราคาน้ำมันในปัจจุบันที่ยังไม่เอื้อต่อการส่งเสริมพลังงานทดแทน, แก้ไขปัญหาปัญหาปริมาณปาล์มน้ำมันที่มีมากกว่าความต้องการในปัจจุบัน, ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันยังอยู่ในระดับสูงกว่าการตลาดที่เหมาะสม โดยให้สำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) และกรมการค้าภายใน เป็นผู้ติดตามและดูแล และรักษาเสถียรภาพที่จะใช้ในการบริหารระดับราคามิให้สูงขึ้นโดยฉับพลันหลังสิ้นสุดนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน
ปัจจุบันอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ แต่ละชนิด ได้แก่ เบนซิน 95 อยู่ที่ 4 บาทต่อลิตร, เบนซิน 91 อยู่ที่ 4 บาทต่อลิตร ซึ่งเต็มเพดานที่กำหนดแล้ว ส่วนแก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 1.35 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 0.85 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ อี20 อยู่ที่ 0.30 บาทต่อลิตร, ดีเซล บี 2 อยู่ที่ 1.20 บาทต่อลิตร และดีเซล บี 5 กองทุนน้ำมันฯ ชดเชยในอัตรา 0.20 บาทต่อลิตร
รมว.พลังงาน กล่าวว่า หลังปรับการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 24 ล้านบาทต่อวัน จากระดับปัจจุบัน 80 ล้านบาทต่อวัน เป็น 104 ล้านบาทต่อวัน หรือ 3,150 ล้านบาทต่อเดือน โดยจะไม่มีผลกระทบต่อราคาขายปลีกอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ในวันที่ 31 ต.ค.นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องการปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) และการทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า(PDP 2007)