นายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)เปิดเผยว่า คณะกรรมการ กทพ.มีมติให้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อสอบถามในประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการขยายเวลาจ่ายส่วนแบ่งรายได้ค่าผ่านทางโครงการทางพิเศษเฉลิมมหานครหรือทางด่วนขั้นที่ 1 และทางพิเศษศรีรัชหรือทางด่วนขั้นที่ 2 ให้กับบมจ.ทางด่วนกรุงเทพ (BECL)
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กทพ.คัดค้านการขยายเวลาจ่ายส่วนแบ่งรายได้ค่าผ่านทาดังล่าวที่คณะกรรมการ กทพ.อนุมัติไว้เป็นระยะเวลา 8 ปี 10 เดือน หลังครบอายุสัมปทานในปี 2563 คิดเป็นเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท โดยนายเผชิญ ไพโรจน์ศักดิ์ ผู้ว่าการ กทพ. ได้รายงานผลการเจราจากับสหภาพฯ ให้ที่ประชุมรับทราบ ซึ่งสหภาพฯต้องการให้ชะลอการดำเนินงานดังกล่าวไปก่อน
แต่หากระหว่างนี้ศาลมีการพิจารณาตัดสินคดีฟ้องร้องของกทพ. และ BECL ก็จะปฏิบัติตามคำสั่งศาล
ด้านนายศราวุธ ศรีพยัคฆ์ ประธานสหภาพฯ กทพ. กล่าวว่า การที่คณะกรรมการ กทพ. ให้หารือสำนักงานกฤษฎีกาเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะช่วยให้การตัดสินใจมีความรอบคอบมากยิ่งขึ้น ขณะที่กระบวนการตรวจสอบทั้งจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมาธิการต่างๆ ก็กำลังดำเนินไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการในวันนี้ได้หารือเกี่ยวกับการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ว่าการ กทพ. ซึ่งจะครบวาระการดำเนินงาน 4 ปี ในเดือนม.ค.52 ซึ่งกรรมการส่วนใหญ่เห็นว่านายเผชิญมีผลการดำเนินงานที่ดี สังเกตจากผลประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงานของทริสที่ให้คะแนน กทพ.สูงถึง 4.4 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5
เบื้องต้นกรรมการเห็นว่าน่าจะต่ออายุสัญญาว่าจ้างนายเผชิญต่อไปอีก 1 วาระ แต่อย่างไรก็ตามที่ประชุมยังไม่มีมติให้ต่อสัญญาว่าจ้างดังกล่าว คงจะเสนอความคิดเห็นดังกล่าวเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป
ขณะที่ นายสุรชัย ยังเปิดเผยว่า ได้ยื่นหนังสือลาออกจากประธานกรรมการ กทพ. ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. เป็นต้นไป เนื่องจากได้รับตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีงานในรับผิดชอบเพิ่มขึ้นและต้องการปฏิบัติงานในหน้าที่ปลัดกระทรวงคมนาคมให้สมบูรณ์ รวมทั้งยังเป็นการแสดงมารยาทเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีจึงลาออกเพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม