นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รักษาการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวในงานสัมมนา"ทิศทางเศรษฐกิจไทยในอนาคต"ว่า สศค.คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 52 จะเติบโตในระดับ 4-5% ขณะที่มูลค่าการส่งออกจะเติบโตได้ 11% ภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.5% ส่วนการลงทุนจะขยายตัวเพียง 7%
ทั้งนี้ หากรัฐต้องการให้การลงทุนเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจแทนทดแทนการส่งออก ก็จะต้องเร่งรัดการลงทุนให้ขยายตัวได้เป็นเลข 2 หลัก หรือขยายตัวในระดับ 10% เป็นอย่างต่ำ
นายเอกนิติ กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 52 มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงจากสถานการณ์เศรษฐกิจของโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญที่จะกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งฟื้นการใช้จ่ายในประเทศเพื่อทดแทนการส่งออก สิ่งสำคัญคือการเร่งการขยายการลงทุน โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจ็คต์ เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ เพื่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบศก.
"เป็นโอกาสที่ดีที่จะเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส สิ่งสำคัญคือเร่งการลงทุน เพราะช่วงหลายปีที่ผานมาจากที่เคยลงทุนสูงถึง 10% ตอนนี้มีน้อยมาก ดังนั้น ภาครัฐต้องเป็นตัวนำด้านการลงทุน เพื่อให้เอกชน เกิดการลงทุนตาม มีการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขัน" นายเอกนิติ กล่าว