ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทะยานขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินในยุโรปและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ต.ค.) ท่ามกลางความหวั่นวิกตกเรื่องเศรษฐกิจโลกถดถอย
วิกฤตการเงินในสหรัฐและยุโรปได้ฉุดให้ตลาดหุ้นและค่าเงินของประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนาร่วงตามลงมาด้วย ส่งผลให้นักลงทุนเร่งขายเงินต่างประเทศและหันมาซื้อดอลลาร์และเยนที่เชื่อว่าน่าจะปลอดภัยกว่าแทน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ณ เวลา 16.05 น. EDT ค่าเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.5891 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับปิดของวันพฤหัสบดีที่ 1.6321 ดอลลาร์/ปอนด์ ขณะที่ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.2570 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.2980 ดอลลาร์/ยูโร
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 94.450 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 97.830 เยน/ดอลลาร์ แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.1692 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1564 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลงแตะระดับ 0.5566 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 0.5963 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงแตะระดับ 0.6180 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6726 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ค่าเงินปอนด์และตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลงทันที หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า เศรษฐกิจไตรมาส 3 ของอังกฤษหดตัวลง 0.5% ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าอังกฤษใกล้จะเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2534 นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวยังส่งผลต่อสกุลเงินยูโรด้วยเช่นกัน
ขณะที่ เงินเยนพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลให้นักลงทุนผ่อนคลายการทำ "carry trades" ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อนักค้าเงินไปยืมเงินเยนมาซื้อสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า อาทิ สกุลเงินเรียลของบราซิล แต่เนื่องจากความวิตกเรื่องภาวะผันผวนและเพื่อความปลอดภัยในการลงทุน เทรดเดอร์เหล่านี้เริ่มเปลี่ยนมาขายสกุลเงินต่างประเทศและกลับมาซื้อเงินเยนแทน ส่งผลให้เยนทะยานขึ้น และค่าเงินของตลาดเกิดใหม่ร่วงลงในทางกลับกัน