นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "รัฐบาลของประชาชน" ว่า เอเชียคงหนีไม่พ้นที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่เชื่อว่าคงมีไม่มากนัก เนื่องจากเอเชียยังมีกองทุนที่เพียงพอในการรับมือ โดยเฉพาะระบบธนาคารที่มีทุนสำรองอยู่14-15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยังสูงกว่ามาตรฐาน แต่ทั้งนี้ในส่วนที่ได้รับผลกระทบ คือตลาดหุ้น เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากตะวันตก ซึ่งมีการเทขายหุ้นออก ดังนั้นเป็นโอกาสอันดีที่นักลงทุนเอเชียและไทยจะเข้าไปช้อนซื้อหุ้นที่ดีและราคาถูก ทั้งนี้ หากเอเชียมีเงินเพียงพอ คาดว่าจะทำให้ GDP สามารถอยู่ที่ 5% ได้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมาตรการของรัฐบาลที่จะออกมาจะเป็นเม็ดเงินประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท โดยจะมีในส่วนของกองทุนหมู่บ้าน หรือ SML สินเชื่อรวมกันปี 52 4.5แสนล้านบาท ซึ่งจะขยายตัวร้อยละ 5 นอกจากนี้ จะเร่งการส่งออกและนำเข้าโดยการตั้งทีมไทยแลนด์ ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงท่องเที่ยวฯ กระทรวงพาณิชย์ โดยปี 2552 ให้ขยายตัวให้ได้ร้อยละ 5 หรือ เป็นเงิน 3.6 แสนล้านบาท โดยตลาดเป้าหมาย คือ เอเชีย แอฟริกา ตะวันออกกลาง โดยจะมีการเจรจากันระหว่างรัฐต่อรัฐ
รวมทั้งจะมีการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาล 1.8 แสนล้านบาท และโครงการเมกกะโปรเจคเพิ่มงบในปี 52 1แสนล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินที่จะใช้จะเป็นเงินจากรัฐวิสาหกิจ เงินกู้จากในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเงินกู้ในต่างประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีของจีนนั้นยินดีที่จะปล่อยกู้แบบผ่อนปรน 400 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการเมกะโปรเจกต์
ส่วนราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำในขณะนี้ ก็ได้ใช้กลไกตลาด แทรกแซงราคา ทั้ง ยางพารา ข้าวโพด ข้าว และได้มีการดำเนินนโยบาย กำหนดราคาสินค้าขั้นต่ำ ในส่วนของข้าวแล้ว
ทั้งนี้ จะชงการการรับประกันราคาข้าวโพดในอังคารที่ 28 ตุลาคมนี้ ส่วนยางพาราจะมีการหารือกับกรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในวันพุธหรือวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้