บริษัท CLSA Asia-Pacific Markets ซึ่งเป็นธุรกิจด้านการค้าหลักทรัพย์ประจำภูมิภาคของ Credit Agricole SA ได้เรียกร้องให้เหล่าผู้บริหารและนักการธนาคารอาวุโส 500 ราย ยอมรับการปรับลดเงินเดือนสูงสุด 25% ในปีหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการตกงาน
โจนาธาน สโลน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ CLSA เปิดเผยว่า บริษัทกำลังหาทางปรับลดค่าใช้จ่าย เนื่องจากวิกฤตการเงินทั่วโลกทำให้ปริมาณการซื้อขายในตลาดปรับตัวลดลง แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการแก้ปัญหาด้วยวิธีปลดพนักงานเช่นเดียวกับโกลด์แมน แซคส์ที่มีข่าวว่าอาจต้องปลดพนักงานออก 10% CLSA จึงได้เสนอแผนการลดเงินเดือนแก่พนักงาน 1 ใน 3 เป็นจำนวน 15-25% เริ่มตั้งแต่เดือนม.ค.ศกหน้า
มาตรการปรับลดเงินเดือนของพนักงานในครั้งนี้เป็นไปในลักษณะเดียวกับที่บริษัทเคยเสนอขึ้นเมื่อปี 2546 ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่โรคซาร์สระบาดจนส่งผลลุกลามให้เศรษฐกิจในฮ่องกงและจีนประสบภาวะชะงักงัน ทั้งนี้ ซีอีโอของ CLSA มองว่าสถานการณ์ในตลาดจะยังไม่สามารถกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ในระยะนี้และวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มีความรุนแรงมากกว่าเมื่อปี 2546 มาก เนื่องจากปัญหานี้สะเทือนไปทั่วทั้งโลกมิใช่เพียงแค่ในทวีปเอเชียเท่านั้น
"เราคิดว่าแผนการช่วยเหลือพนักงานดังกล่าวเป็นวิธีที่ถูกต้อง ซึ่งจะทำให้เราสามารถให้บริการลูกค้าและขยายธุรกิจต่อไปได้แม้ในยามที่เราต้องเผชิญความยากลำบาก" สโลนกล่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บรรดาธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์รายใหญ่ต่างปรับลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเพื่อให้บริษัทสามารถรอดพ้นจากวิกฤตสินเชื่อทั่วโลกที่รุนแรงจนทำให้เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง อิงค์ ประสบภาวะล้มละลาย และส่งผลให้บริษัทสหรัฐและยุโรปถูกเทคโอเวอร์กันไปหลายต่อหลายราย
ทั้งนี้ ธุรกิจการเงินทั่วโลกได้ปรับลดพนักงานไปแล้วกว่า 140,000 ตำแหน่ง นับตั้งแต่เดือนก.ค.2550 หลังจากเกิดภาวะล่มสลายในตลาดปล่อยกู้จำนองให้ลูกหนี้กลุ่มซับไพรม์