นายสมมาต ขุนเศษฐ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2552 จะเติบโตได้เพียง 3-4% เนื่องจากผลกระทบจากปัจจัยลบทั้งภายในและภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินโลก ปัญหาการเมืองในประเทศ รวมทั้งปัญหาความมั่นคงชายแดน โดยผลกระทบดังกล่าวจะเริ่มเห็นชัดเจนตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า
โดยดัชนีตลาดหุ้นมีแนวโน้มตกลงอย่างรุนแรงจนต่ำสุดรอบ 5 ปี มูลค่าการท่องเที่ยวที่ลดลง 20% หรือกว่า 80,000 ล้านบาท รวมถึงการส่งออกที่ลดลงกว่า 18% จากราคาสินค้าเกษตรที่ลดลงตามราคาน้ำมัน ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ พลาสติก อิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจท่องเที่ยว และอสังหาริมทรัพย์
รองเลขาธิการ ส.อ.ท.เสนอแนะให้รัฐบาลมีแผนป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน โดยมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศ ด้วยการให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมผ่านกลไกของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.) พร้อมทั้งส่งเสริมสภาพคล่องในระบบธนาคาร
อย่างไรก็ตาม รองเลขาธิการ ส.อ.ท.คาดว่า หลังผ่านพ้นวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจไปแล้ว อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวได้ในอัตรา 5-6% ในปี 2554