นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เผยการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เพื่อพิจารณาปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) และปรับแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว(พีดีพี 2007) ในวันที่ 31 ต.ค.นี้จำเป็นต้องเลื่อนกำหนดออกไปอีก เนื่องจากนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเป็นประธาน กพช.ติดภารกิจ
อย่างไรก็ตามคาดว่า กพช.จะนัดประชุมกันโดยเร็วที่สุด เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยยังต้องนำเข้าแอลพีจีอย่างต่อเนื่องประมาณ 100,000 ตันต่อเดือน แม้ราคาน้ำมันจะปรับลดลงอย่างรวดเร็วก็ตาม
รมว.พลังงาน ยืนยันว่า การปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีจะส่งผลให้ราคาภาคขนส่งและอุตสาหกรรมสูงกว่าภาคครัวเรือนอย่างแน่นอน แต่จะเป็นไปในรูปแบบการทยอยปรับขึ้น เพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริโภค ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเป็นอัตราใด โดยรอให้ที่ประชุม กพช.เป็นผู้ชี้ขาด
"การปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคขนส่งและอุตสาหกรรมจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับผลกระทบ แต่ระยะยาวแล้วราคาจะต้องสะท้อนตลาดโลกเพราะขณะนี้นำเข้าสูงขึ้น และคงไม่ได้ใช้สูตรราคาอิงตลาดโลกร้อยละ 40 ในประเทศร้อยละ 60 เหมือนกับข้อกำหนดสมัยนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ อดีต รมว.พลังงาน กำหนดไว้" รมว.พลังงาน กล่าว
สำหรับประเทศไทยมีการนำเข้าแอลพีจีเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดย บมจ.ปตท.(PTT) เป็นผู้รับภาระนำเข้ามาก่อน และเมื่อมีการปรับโครงสร้างราคาแล้วจะมีการนำส่วนต่างไปชดเชยให้แก่ ปตท. โดยล่าสุด ปตท.แบกรับภาระนำเข้ารวม กว่า 5,400 ล้านบาท และกำหนดวงเงินรับภาระไว้ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท