"ก้องเกียรติ"แนะคลัง-ธปท.คิดนอกกรอบ เร่งมาตรการให้เป็นจริงในทางปฏิบัติ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 27, 2008 18:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ นายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ควรจะคิดนอกกรอบในการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อรับมือกับปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดภาวะฟองสบู่แตกและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุน เพราะสิ่งที่รัฐทำอยู่ในทางปฏิบัติถือว่าล่าช้าเกินไป

"รัฐบาลเองและแบงก์ชาติต้องคิดนอกกรอบบ้าง เพราะมาตรการของรัฐบาลสามารถทำเป็นรูปธรรมได้เร็ว แต่ในทางปฏิบัติช้าเกินไป เช่นกรณีสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนซื้อหุ้นคืน ก็ยังแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ ไม่เสร็จ ไม่เหมือนต่างประเทศที่ใช้เวลาไม่นาน เพราะถ้ามองเป็นเรื่องฉุกเฉินก็ควรจะต้องเร็ว ประกาศแล้วต้องทำเลยทันที และจากนั้นต้องดูว่ามาตรการใหม่มีอะไร"นายก้องเกียรติ ให้สัมภาษณ์กับรายการโทรทัศน์เย็นวันนี้

นายก้องเกียรติ มองว่า ประเทศไทยไม่ได้เตรียมตัวที่จะตั้งรับกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้และปีหน้า แต่สิ่งที่ดำเนินการอยู่เน้นไปที่การแก้ไขเฉพาะหน้าและยังช้าเกินไป โดยกฎเกณฑ์ใดที่เป็นอุปสรรคควรจะรีบแก้ไขเพื่อให้ปฏิบัติได้โดยด่วนเพราะยังมีสิ่งที่จะต้องทำอีกมาก

สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นมองว่ายังมีโอกาสปรับตัวขึ้นมาได้แรงหากถึงจุดที่นักลงทุนหยุดการเทขายแบบไม่มีเหตุผล ก็จะทำให้เกิดการเข้ามาแย่งซื้อหุ้นราคาถูกเพื่อลงทุนในรอบใหม่ แต่ปัญหาตอนนี้คือไม่รู้ว่าถึงจุดนั้นเมื่อไหร่ เพราะข่าวร้ายทั่วโลกเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่แตกยังออกมาไม่หยุด เพราะยังอยู่ในช่วงที่ฟองสบู่กำลังแตกและมีความรุนแรงมากกว่าครั้งก่อน ๆ

"ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าหุ้นจะตกไปถึงไหน แม้ทุกคนจะบอกว่าราคาหุ้นถูก แต่ด้วยความกลัวจคนจะทำอะไรแบบไม่มีเหตุผลคือขายแบบไม่มีเหตุผล เช่นเดียวกับหุ้นขึ้นก็จะซื้อแบบไม่มีเหตุผล เมื่อไหรตั้งสติได้ และมีมาตรการทีเฉียบขาดออกมาแล้วคนมองว่าจัดการปัญหาได้ ก็จะกรูเข้ามาลงทุนใหม่"

"ข่าวร้ายจะออกมาเรื่อย ๆ ทุกวัน และตลาดหุ้นยังจะตกไปจนกระทั่งทุกคนเลิกขายแบบไม่มีเหตุผล หันมาตั้งสติแล้วเอาเงินที่มีอยู่มาดูว่าจะซื้ออะไรได้บ้าง ถึงจุดนั้นทุกคนจะตั้งสติได้ก็จะเข้ามาแย่งซื้อตลาดหุ้นก็จะขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นจุดนั้น"นายก้องเกียรติ กล่าว

ผลกระทบจากภาวะฟองสบู่แตก ยังลุกลามไปยังภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ภาคธุรกิจไม่สามารถระดมทุนมาใช้ในการขยายกิจการได้หรือระดมเงินมาใช้ชำระหนี้ทำได้ยาก เนื่องจากราคาหุ้นลดลงไปอย่างมาก บริษัทจดทะเบียน(บจ.)มากกว่าครึ่งในตลาดหุ้นไทยราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี(book value)ทำให้การเพิ่มทุนเป็นไปได้ยาก และการระดมทุนด้วยวิธีอื่นก็เช่นกัน โดยเฉพาะกับบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำ

อย่างไรก็ตาม นายก้องเกียรติ เห็นว่าผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในระดับโลกยังไม่ได้มีผลกระทบต่อไทยมากกว่า ถือเป็นความโชคดีในความโชคดร้าย เนื่องจากไทยเคยมีบทเรียนจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 40 ทำให้เราไม่ได้ไปลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงสูงมาก สถาบันการเงินก็ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ อีกทั้งปัญหาการเมืองในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาทำให้นักธุรกิจไม่กล้าขยายการลงทุนอยู่แล้ว ทำให้ปัญหาเกิดขึ้นไม่มาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ