นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึง การที่ภาครัฐเตรียมเสนอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายกลางปี 2552 อีกราว 1 แสนล้านบาทนั้น เชื่อว่าจะช่วยทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนได้เพิ่มขึ้นบ้าง แต่ต้องดูให้ถูกจุดว่าสิ่งที่กระตุ้นมาแล้วจะทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นได้แค่ไหน
"ตอนนี้ถือว่ามาตรการในประเทศเราดีอยู่แล้ว แต่การลงทุนใหม่ๆ คงยังไม่เกิดขึ้นแน่ ดังนั้นภาครัฐและเอกชนควรร่วมมือกันไปหาตลาดด้วยกันเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับประเทศ" นายประมนต์ กล่าว
ทั้งนี้ เนื่องจากในปี 52 เศรษฐกิจไทยคงจะได้รับผลกระทบแน่จากปัญหาเศรษฐกิจโลก ซึ่งขณะนี้ก็ส่งผลให้การค้าขายระหว่างประเทศลดลงบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าการส่งออกของไทยในปีหน้าจะชะลอตัวลง ภาพรวมเศรษฐกิจไทยก็จะชะลอตัวไปด้วย
ส่วนกรณีคาดการณ์การว่างงานนั้น ขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน แต่จะเข้าไปดูรายละเอียดว่าจากปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ละธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างไร และกลุ่มธุรกิจไหนที่ได้รับผลกระทบบ้าง คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์จะเห็นความชัดเจน
นายประมนต์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้สภาพคล่องไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ อัตราดอกเบี้ย หากเป็นอย่างนี้อยู่อาจกระทบต่อผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่สามารถลดต้นทุนได้
ด้านสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการด้านการพัฒนาเศรษฐกิจส่วนรวมและการกระจายรายได้ TDRI ระบุว่า การว่างงานคงไม่หนักเมื่อเทียบกับปี 40 เนื่องจากปัญหาตอนนี้เกิดจากการที่อุปสงค์หดตัว
ส่วนการที่รัฐบาลเพิ่มงบประมาณรายจ่ายกลางปี 52 อีกราว 1 แสนล้านบาท ต้องดูด้วยว่าจะช่วยกระตุ้นเพียงช่วงสั้นหรือไม่ ทั้งนี้คงต้องดูระยะยาวด้วย เพราะการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเพิ่มเป็นการดึงสภาพคล่องออกจากระบบมากขึ้น ทำให้ต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจสูงขึ้น การลงทุนอาจจะชะลอตัวลงได้ และกระทบจีดีพีเช่นกัน