นายเบอร์ฮานุดดี อับดุลเลาะห์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซีย ถูกศาลตัดสินจำคุก 5 ปีในข้อหาทุจริต และถูกเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 250 ล้านรูเปียห์ หรือ 22,524 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากถูกสอบสวนพบว่านายอับดุลเลาะห์มีความผิดฐานนำเงินงบประมาณของชาติมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน
ผู้พิพากษากูซีซาลอ่านคำพิพากษาที่ศาลกรุงจาการ์ต้าในวันนี้ว่า นายอับดุลเลาะห์ วัย 60 ปี โอนเงินประมาณ 10 ล้านดอลลาร์ให้กับสมาชิกรัฐสภาหลายคนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือทางกฏหมาย ซึ่งตามกฎหมายอินโดนีเซียนั้น การโอนถ่ายเงินของชาติให้กับผู้อื่นในลักษณะเช่นนี้ถือเป็นการกระทำที่ทุจริต
นายอับดุลเลาะห์เป็นผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซียคนที่ 2 ที่ถูกดำเนินคดีข้อหาทุจริต ตามแผนการกวาดล้างพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่นซึ่งริเริ่มโดยประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุดโยโน โดยเมื่อปีพ.ศ.2545 นายจาห์ริล ซาบิริน ผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซียในสมัยนั้น ได้ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาทุจริต ซึ่งเกิดขึ้น 1 ปีก่อนที่เขาจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม นายอับดุลเลาะห์ปฏิเสธข้อกล่าวหาและจะยื่นอุทธรณ์ในคดีนี้ โดยเขากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ศาลพิพากษาว่าผมพัวพันคดีทุจริต แต่ผมไม่เคยเอาเงินของประเทศชาติเข้ากระเป๋าสักรูเปียห์เดียว"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อินโดนีเซียติดอันดับ 126 ในกลุ่มประเทศที่มีการทุจริตในวงราชการ โดยองค์กร Transparency International ให้คะแนนความโปร่งใสในวงราชการของอินโดนีเซียเพียง 2.6 คะแนน ขณะที่เดนมาร์กได้ไป 9.3 คะแนน