ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรเป็นครั้งแรกในสัปดาห์นี้หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% โดยให้เหตุผลว่า เศรษฐกิจยังมีความเสี่ยง
เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงก่อนที่รัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อาจบ่งชี้ว่าระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกทรุดตัวลงหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าลง ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะที่ 1.3074 ยูโรต่อดอลลาร์ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวเช้านี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. โดยเมื่อเวลา 09.25 น. ตามเวลาท้องถิ่น เงินดอลลาร์เทรดที่ระดับ 1.3044 ยูโรต่อดอลลาร์
ด้านเงินเยนอ่อนค่าลงแตะระดับ 98.35 เยนต่อดอลลาร์จากระดับ 97.39 เยนต่อดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ 128.32 เยนต่อดอลลาร์จากระดับ 126.26 เยนต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ 1.6438 ดอลลาร์ต่อปอนด์จากระดับ 1.6373 ดอลลาร์ต่อปอนด์
เงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ 67.62 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 64.98 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศผ่านทางเว็บไซต์ในวันนี้ว่า ดอกเบี้ยเงินฝากระยะเวลา 1 ปี จะลดลงเหลือ 3.60% จากเดิมที่ 3.87% และดอกเบี้ยเงินกู้จะลดลงแตะ 6.66% จาก 6.93%
"เฟดกำลังทำในสิ่งที่สามารถทำได้ในยามที่เศรษฐกิจสหรัฐกำลังอ่อนแอ" ทซึโทมุ โซมะ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ Okasan Securities Co.กล่าว "นักลงทุนกำลังจับตาส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย และความเคลื่อนไหวเช่นนี้จะกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก"