ธนาคารกลางจีนอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หลังจากที่เพิ่งออกแถลงการณ์ทางเว็บไซต์ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสู่ระดับ 6.66% จาก 6.93% และลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงสู่ระดับ 3.60% จาก 3.87% ขณะที่เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% มาอยู่ที่ 1%
"การปรับลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงการตัดสินใจของธนาคารกลางจีนในการใช้มาตรการทางการเงินเชิงรุกเพื่อป้องกันมิให้เศรษฐกิจจีนเผชิญภาวะฮาร์ดแลนดิ้ง" หวัง ชิง นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์กล่าว "เราคาดว่า ธนาคารกลางจีนจะปรับลดดอกเบี้ยอีก 4 ครั้งในปีหน้า"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงแตะที่ 9% ในช่วงไตรมาสที่สามจากที่เคยขยายตัวในระดับ 11.9% เมื่อปี 2550 ขณะที่ผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนก.ย.ชะลอตัวลงต่ำสุดในรอบ 6 ปีเนื่องจากภาคการส่งออกที่ซบเซา โดยภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกันบ่งชี้ถึงความอ่อนแอในตลาดอสังหาริมทรัพย์, การผลิตภาคอุตสาหกรรม, ยอดส่งออก รวมถึงบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นจีนที่ดิ่งลงไปแล้ว 69% ในปีนี้
ด้านมาร์ก วิลเลี่ยมส์ นักวิเคราะห์จาก Capital Economics Ltd. ในกรุงลอนดอนกล่าวว่า "การปรับลดดอกเบี้ยแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลจะเดินหน้าใช้มาตรการต่างๆเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจจะไม่ทำให้สถานการณ์ต่างๆรุนแรงมากขึ้น"
ทั้งนี้ จีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง อิงค์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐประสบภาวะล้มละลาย และหลังจากนั้นจีนได้ปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่สองในวันที่ 8 ต.ค. เช่นเดียวกับที่เฟดและธนาคารกลางจาก 8 ประเทศพร้อมใจกันปรับลดดอกเบี้ยเพื่อกู้วิกฤตการเงิน