กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จัดตั้งกองทุนสินเชื่อระยะสั้นให้แก่ประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แต่กำลังถูกกระทบจากวิกฤตการณ์สินเชื่อที่ลุกลามไปทั่วโลก
ไอเอ็มเอฟระบุว่า ไอเอ็มเอฟจะจัดสรรเงินจากกองทุนสินเชื่อะยะสั้น (STLF) ให้แก่กลุ่มประเทศที่ได้รับการพิจารณาว่ามีพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดี มีช่องทางเข้าถึงตลาดทุน และมีความสามารถในการแบกรับหนี้สินได้ และทันทีที่ได้รับคัดเลือก ประเทศเหล่านี้จะสามารถเบิกเงินจากกองทุนดังกล่าวได้ถึง 5 เท่าของโควต้าที่ไอเอ็มเอฟกำหนด ขณะที่ภายใต้โครงการปล่อยกู้ตามปกตินั้น ประเทศต่างๆจะสามารถเบิกถอนได้เพียง 3 เท่าของโควต้า
ทั้งนี้ ประเทศที่ขอกู้เงินจะชำระดอกเบี้ยในอัตรา 4% และไม่มีเงื่อนไขอื่นๆที่เฉพาะเจาะจง เพราะไอเอ็มเอฟเล็งเห็นว่าประเทศที่ได้รับคัดเลือกเหล่านี้มีฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมีนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ดี อีกทั้งสามารถแบกรับภาระหนี้สินได้
อย่างไรก็ตาม นายโดมินิก สเตราส์-คาห์น ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟปฏิเสธที่จะระบุชื่อประเทศที่ยื่นขอวงเงินกู้ตามโครงการใหม่นี้ โดยกล่าวว่าไอเอ็มยังคงปิดรายชื่อประเทศที่ยื่นขอเงินกู้เป็นความลับไว้ก่อน แต่กล่าวเพียงว่าการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวจะเป็นประโยชน์กับประเทศที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดี อาทิ ตุรกี บราซิล และเกาหลีใต้
ทั้งนี้ นายสเตราส์-คาห์กล่าวว่า "ไอเอ็มเอฟพร้อมที่จะจัดสรรเงินจากกองทุนสินเชื่อให้กับประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของไอเอ็มเอฟ เพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์ด้านการเงิน
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขานรับความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของไอเอ็มเอฟ โดยกล่าวว่า "บทบาทของไอเอ็มเอฟครั้งนี้จะช่วยแก้ไขวิกฤตการณ์ด้านการเงินในหลายประเทศและจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้"
เฟดได้ทำข้อตกลงอัดฉีดสภาพคล่องให้กับธนาคารกลางเกาหลีใต้ ธนาคารกลางสิงคโปร์ ธนาคารกลางบราซิล และธนาคารกลางเม็กซิโก ผ่านธุรกรรมการทำสว็อปค่าเงิน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เฟดตัดสินใจกระตุ้นสภาพคล่องให้กับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ เพราะเล็งเห็นว่าประเทศเหล่านี้ล้วนอยู่ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก และการอัดฉีดสภาพคล่องผ่านการทำสว็อปค่าเงินในครั้งนี้จะช่วยให้ธนาคารทั้งสี่แห่งสามารถระดมทุนในรูปสกุลเงินดอลลาร์ได้คล่องตัวขึ้น
นายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐกล่าวยกย่องความพยายามของไอเอ็มเอฟและเฟดในครั้งนี้ว่า "ไอเอ็มเอฟและเฟดกำลังทำให้ทั่วโลกเห็นว่าองค์กรทั้งสองแห่งพยายามสนับสนุนและช่วยเหลือประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ หลังจากที่ประเทศเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากปัญหาในตลาดการเงินทั่วโลก" สำนักข่าวเอพีรายงาน