"ยูนิลีเวอร์"เผยกำไร Q3 พุ่ง 63% จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น

ข่าวต่างประเทศ Thursday October 30, 2008 15:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ยูนิลีเวอร์ บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่อันดับ 2 ของโลก เปิดเผยผลกำไรไตรมาสสามเพิ่มขึ้น 63% ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและจากการขายธุรกิจที่ไม่ทำกำไรออกไป พร้อมกับคาดการณ์ว่า การขยายตัวของยอดขายในปีนี้เหนือกว่าที่บริษัทได้ตั้งเป้าไว้

รายได้สุทธิของยูนิลีเวอร์เพิ่มขึ้นเป็น 1.64 พันล้านยูโร (2.16 พันล้านดอลลาร์) หรือ 57 เซนต์ต่อหุ้น จากเดิม 1.10 พันล้านยูโร หรือ 34 เซนต์ในปีก่อน และสูงกว่าที่นักวิเคราห์จากการสำรวจความคิดเห็นของบลูมเบิร์กได้คาดการณ์ไว้ที่ 1.49 พันล้านยูโร

บริษัทสัญชาติดัตช์-อังกฤษ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าอัตราการเติบโตของยอดขายในปี 2551 ไม่รวมความผันผวนของค่าเงินและการซื้อขายกิจการ น่าจะดีกว่า 3-5% ซึ่งเป็นประมาณการณ์ก่อนหน้านี้ หลังจากที่ในสัปดาห์ที่แล้ว เนสท์เล่ บริษัทอาหารรายใหญ่สุดของโลก ก็พึ่งปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของรายได้เป็น 8% โดยยูนิลีเวอร์ได้ตัดสินใจขายธุรกิจที่มีการขยายตัวช้า และขึ้นราคาสินค้าเพื่อให้ไล่ทันบรรดาบริษัทคู่แข่งอย่าง เนสท์เล่, ดาน่อน กรุ๊ป และพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี)

ซีอีโอ แพทริก เซสเซา กล่าวว่า "แม้ราคาสินค้าของเราจะสูงขึ้นเนื่องมาจากต้นทุนที่พุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ แต่ยอดขายของเราก็ยังคงเดินหน้า" โดยยอดขายไตรมาสสามของยูนีลิเวอร์ ไม่รวมการซื้อขายกิจการและความผันผวนของค่าเงิน พุ่งขึ้น 8.3% จากราคาที่ปรับขึ้น 7.7%

บลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทะยานขึ้น ส่งผลให้บริษัทที่มีอายุเก่าแก่ 78 ปีต้องขึ้นราคาผลิตภัณฑ์ อาทิ ผงซักฟอก โอโม่ ในประเทศจีน และไอศครีมแม็กนั่มในยุโรป ขณะที่คู่แข่งอย่าง เนสท์เล่ และ พีแอนด์จี ใช้กลยุทธ์จูงใจลูกค้าด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ท้องตลาด



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ