หน่วยงานด้านไฟฟ้า 3 แห่ง ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.), การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) เตรียมทดสอบแผนการนำระบบกลับคืนสู่สภาวะปกติกรณีเกิดไฟฟ้าดับทั่วประเทศ(Blackout Restoration Plan) โดยในปี 2552 จะใช้คู่มือซ้อมแผนร่วมกัน สร้างความมั่นใจในความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ
นายพิบูลย์ บัวแช่ม ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า กฟผ. เปิดเผยว่า การเตรียมความพร้อมดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการรองรับเหตุฉุกเฉินของ กฟผ. เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้ไฟเกิดความมั่นใจในเรื่องความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ป้องกันการเกิดไฟฟ้าดับและเตรียมความพร้อมในการนำไฟฟ้ากลับคืนสู่ระบบให้ประชาชนมีไฟใช้อย่างเร็วที่สุด
"ตามแผนได้ประเมินไว้ว่าหากเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศขึ้น กฟผ.จะสามารถคืนการจ่ายไฟเข้าระบบของ กฟผ.ให้กับย่านธุรกิจอุตสาหกรรม และประชาชนบางส่วนได้ภายในเวลา 4 ชั่วโมง และสามารถจ่ายไฟให้ครบทุกครัวเรือนได้ภายใน 10 ชั่วโมง" นายพิบูลย์ กล่าว
ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า กฟผ.กล่าวว่า ขณะนี้ทั้ง 3 การไฟฟ้าอยู่ระหว่างร่วมกันจัดทำคู่มือปฏิบัติการทดสอบแผนฯ ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.นี้ และจะทำการทดสอบแผนดังกล่าวโดย กฟผ.ได้แบ่งโซนพื้นที่ในการทำ Black Start ณ โรงไฟฟ้าที่สามารถเดินเครื่องได้ด้วยตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่การจ่ายไฟฟ้าให้กับประชาชนทั้งประเทศได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งในปี 2552 จะเริ่มใช้คู่มือปฏิบัติการทดสอบแผนการนำระบบกลับคืนสู่สภาวะปกติฯ
โดย กฟผ.ได้กำหนดให้ทำการทดสอบตามโรงไฟฟ้าทั่วทุกภาคของประเทศ และทั้ง 3 การไฟฟ้าจะร่วมกันทำการทดสอบแผน Blackout Restoration Plan ในเขตภาคตะวันออกเป็นแห่งแรก โดย กฟภ.จะร่วมฝึกซ้อมโดยการดับไฟในบางพื้นที่ ซึ่งจะไม่มีผลกระทบกับโรงงานอุตสาหกรรม และประชาชนอย่างแน่นอน
ด้านนายธัญลักษณ์ ปราศไพริน ผู้อำนวยการกองควบคุมการจ่ายไฟ กฟภ. กล่าวว่า นับเป็นสิ่งดีที่ทั้ง 3 การไฟฟ้าได้ร่วมกันจัดทำคู่มือปฏิบัติการทดสอบแผนฯ ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่มีความพร้อมเผชิญเหตุการณ์กรณีเกิดไฟฟ้าดับและจะทำให้สามารถนำไฟฟ้าจ่ายกลับคืนเข้าสู่ระบบปกติได้อย่างรวดเร็ว เป็นการรักษาความมั่นคงในระบบไฟฟ้าของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับ Blackout Restoration Plan เป็นแผนการนำระบบกลับคืนสู่สภาวะปกติในกรณีเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศ ซึ่ง กฟผ.ได้ทำการทดสอบเป็นประจำทุกปี เพื่อเตรียมรับมือกับเหตุการณ์วิกฤติเกิดไฟฟ้าดับ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและระบบเศรษฐกิจของประเทศ