ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินปอนด์และดอลลาร์นิวซีแลนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย และจีพีดีไตรมาส 3 ของสหรัฐที่หดตัวลงอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนและยูโร หลังจากมีกระแสคาดการณ์ในวงกว้างว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะลดอัตราดอกเบี้ย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 98.640 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 97.410 เยน/ดอลลาร์ และแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.1364 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1276 ฟรังค์/ดอลลาร์
ขณะที่ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.2940 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.2960 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.6472 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.6417 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.5923 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5852 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.6825 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6661 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ค่าเงินเยนร่วงลงหลังจาก หนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานว่า บีโอเจกำลังพิจารณาเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จากระดับปัจจุบันที่ 0.5% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ โดยคาดว่าบีโอเจจะตัดสินใจเรื่องดังกล่าวในการประชุมวันศุกร์ที่ 31 ต.ค.นี้
อลัน รัสกิน นักวิเคราะห์จากบริษัท RBS กล่าวว่า "ที่ผ่านมานั้น บีโอเจถูกกดันให้ลดดอกเบี้ยเพื่อสกัดนักเก็งกำไรให้หยุดซื้อเงินเยน หลังจากเงินเยนทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีในสัปดาห์นี้ การลดดอกเบี้ยเป็นทางออกที่ดีที่จะสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินเยน ซึ่งหากบีโอเจลดดอกเบี้ยตามการคาดการณ์ ก็เท่ากับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.พ.ศ.2544"
คริส เทอร์เนอร์ นักวิเคราะห์ด้านการลงทุนในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศจาก ING Groep NV กล่าวว่า "ก่อนหน้านี้ค่าเงินเยนแข็งแกร่งมากเกินไปจนทำให้นักลงทุนจับตาดูว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะหาทางแก้ไขวิกฤตการดังกล่าวได้อย่างไร เพราะเงินเยนที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงกำลังสร้างความเสียหายต่อผลประกอบการของบริษัทส่งออก อาทิ บริษัท แคนน่อน และยังฉุดตลาดหุ้นโตเกียวดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 26 ปี"
ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับปอนด์หลังจากเฟดมีมติลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 1.00% และลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน 0.50% สู่ระดับ 1.25% โดยมีเป้าหมายสกัดกั้นเศรษฐกิจไม่ให้เข้าสู่ภาวะถดถอย ตามด้วยธนาคารกลางฮ่องกงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนลง 0.50% สู่ระดับ 1.50% และธนาคารกลางไต้หวันประกาศลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน 0.25% สู่ระดับ 3.00% ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกเทขายอย่างหนักหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าจีดีพี หดตัวลง 0.3% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นการติดลบรุนแรงที่สุดในรอบ 7 ปี เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่ายและภาคธุรกิจลดการลงทุน
เดวิด แบลนช์ฟลาวเวอร์ หนึ่งในคณะกรรมการบอร์ดของธนาคารกลางอังกฤษกล่าวว่า ธนาคารกลางอังกฤษอาจลดดอกเบี้ยลงเร็วๆนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศมีแนวโน้มเผชิญกับภาวะถดถอยไปจนถึงปีหน้า