นักวิเคราะห์คาดยอดขายรถยนต์สหรัฐอาจร่วงเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกันในเดือนต.ค. ซึ่งถือว่าทรุดหนักสุดในรอบ 17 ปี หลังวิกฤตสินเชื่อกดดันให้ผู้บริโภคซื้อรถยนต์น้อยลง ไม่ว่าจะเป็นรถของเจเนอรัล มอเตอร์, ฟอร์ด มอเตอร์ หรือ ไครส์เลอร์
ด้านยอดขายรถยนต์ของเอเชียก็มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน อันเป็นผลมาจากการปล่อยสินเชื่อเพื่อรถยนต์ที่เข้มงวดขึ้น ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง และสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งทั้งหมดเป็นปัจจัยเดียวกันที่ทำให้ยอดขายรถยนต์ลดลงในเดือนก.ย.
"ตลาดรถยนต์เดือนต.ค.ยิ่งแย่กว่าเดิม" เจสส์ ท็อปรัค ผู้อำนวยการบริษัทวิจัยยานยนต์ Edmunds.com ในแคลิฟอร์เนีย กล่าว
ผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 21 ท่านซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยว่า ยอดขายรถมือหนึ่งอาจอยู่ที่ 11.5 ล้านคันในเดือนก.ย. หรือลดลง 28% จากปีที่แล้ว
ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของผู้บริหารบริษัทผลิตรถยนต์หลายแห่ง โดยทรอย คลาร์ก ประธานบริษัทจีเอ็มประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือคาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์น่าจะอยู่ที่ราว 12 ล้านคันในเดือนต.ค.
ด้านโรเบิร์ต นาร์เดลลี ซีอีโอของไครส์เลอร์กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์อยู่ที่ราว 12 ล้านคันในช่วงครึ่งเดือนแรก และการปล่อยสินเชื่อเพื่อรถยนต์ที่เข้มงวดกว่าเดิมถือเป็นสถานการณ์ที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน