น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง แจ้งต่อที่ประชุมเตรียมการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เกี่ยวกับแนวทางการเงินกู้จากต่างประเทศเพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า
ในวันที่ 4-7 พ.ย.นี้ รมช.คลังจะเดินทางไปเจรจาขอกู้เงินแบบจีทูจีจากรัฐบาลจีนจำนวน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหากการเจรจาสามารถหาข้อยุติกันได้ก็คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาได้ในช่วงที่มีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือน ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้ทบทวนการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์ 3 ด้าน คือ โครงการระบบขนส่งมวลชน, โครงการด้านอาหารและพลังงาน และโครงการด้านการศึกษา-สาธารณสุข
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของโครงการระบบขนส่งมวลชนนั้น รัฐบาลยืนยันที่จะเดินหน้าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน 1.3 หมื่นล้านบาท, สายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ 5.9 หมื่นล้านบาท และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ 2.4 หมื่นล้านบาท สายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค 5.4 หมื่นล้านบาท โดยพยายามเร่งรัดให้การเซ็นสัญญากับผู้ชนะการกวดราคาในเดือน ธ.ค.
นอกจากนี้ จะเร่งรัดการก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม(หมอชิต-สะพานใหม่) 1.7 หมื่นล้านบาท และสายสีเขียวอ่อน(แบริ่ง-สมุทรปราการ) 3.7 หมื่นล้านบาท
ส่วนโครงการด้านการศึกษาที่ได้รับจัดสรรงบลงทุน 2.2 หมื่นล้านบาท และด้านสาธารณสุขที่ได้รับจัดสรรงบลงทุน 7.86 หมื่นล้านบาทนั้น ที่ประชุมฯ เห็นว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรมีปริมาณน้อยเกินไปเนื่องจากเป็นเรื่องที่สำคัญจึงได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) กลับไปทบทวนโครงการเพื่อจัดทำงบประมาณเพิ่มเติม
สำหรับงบลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์ตามแผนงานปี 52-55 จะมีทั้งสิ้น 1.88 ล้านล้านบาท โดยในปีงบ 52 มีงบลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็คต์รวม 3.4 แสนล้านบาท