ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ป ค่ายรถยนต์ขนาดเล็กรายใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่นปรับลดคาดการณ์ผลกำไรตลอดทั้งปี 2551 หลังยอดขายในตลาดอินเดียประสบภาวะชะลอตัว ขณะที่เงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ และต้นทุนวัตถุดิบมีราคาแพงขึ้น
ซูซูกิคาดการณ์ว่า รายได้สุทธิของบริษัทจะปรับตัวลดลง 25% ไปอยู่ที่ 6 หมื่นล้านเยน (6.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในรอบปีที่สิ้นสุด ณ เดือนมี.ค.2552 จากระดับ 8.03 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา ซึ่งปรับตัวลงจากระดับคาดการณ์ผลกำไรที่ 8 หมื่นล้านเยนในช่วงก่อนหน้านี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ซูซูกิได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายในยุโรปและอินเดียซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของบริษัท หลังจากเงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินรูปีได้บดบังผลกำไรที่ได้จากการขายรถยนต์ในประเทศ ทั้งนี้ สมาคมผู้ประกอบการด้านธุรกิจยานยนต์อินเดียเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ในอินเดียช่วง 6 เดือนที่สิ้นสุด ณ เดือนก.ย. ขยายตัวเพียงครึ่งหนึ่งของปีที่แล้ว
"หากเศรษฐกิจยุโรปและอินเดียชะลอตัวลงอีก เราอาจได้เห็นถึงปริมาณการซื้อขายที่ลดน้อยลง และสกุลเงินในหลายประเทศที่อ่อนค่า ซึ่งจะทำให้รายได้ของซูซูกิเจอวิกฤตเป็น 2 เด้ง" แอนดรูว ฟิลิปส์ นักวิเคราะห์จาก KBC Securities กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรจากการดำเนินงานในปีงบประมาณนี้ลง 29% แตะที่ 1แสนล้านเยน และลดคาดการณ์ยอดขายลง 8.6% สู่ระดับ 3.2 ล้านล้านเยนตามยอดขายในตลาดโลกที่ส่อเค้าว่าจะลดลง 0.9% เหลือ 2.39 ล้านคัน
นอกจากปัญหายอดขายในอินเดียที่ซบเซาและภาวะเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นแล้ว ปัญหาเรื่องราคาเหล็ก, ยาง และวัตถุดิบอื่นๆที่ปรับตัวสูงขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เบียดบังรายได้ของซูซูกิ ซึ่งดูได้จากรายได้สุทธิช่วงครึ่งปีแรกที่ปรับตัวลดลง 26% แตะที่ 3.42 หมื่นล้านเยน จากระดับ 4.61 หมื่นล้านเยนในปีที่ผ่านมา ขณะที่ผลกำไรจากการดำเนินงานทรุดฮวบลง 23% มาอยู่ที่ 6.07 หมื่นล้านเยน และยอดขายขยับลง 0.5% แตะที่ 1.72 ล้านล้านเยน