ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 ต.ค.) ขณะเทรดเดอร์กำลังจับตาการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารอังกฤษ (BoE) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าที่ประชุมจะปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้กลายเป็นปัจจัยหนุนต่อเงินดอลลาร์ เนื่องจากการปรับลดดอกเบี้ยทำให้สกุลเงินในประเทศนั้นๆอ่อนค่าลง และกระตุ้นให้นักลงทุนหันไปเข้าถือครองสกุลเงินในประเทศอื่นๆที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 98.660 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 98.610 เยน/ดอลลาร์ และแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.1597 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1411 ฟรังค์/ดอลลาร์
ขณะที่ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.2751 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.2906 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.6093 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.6435 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 0.5825 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5902 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าแตะระดับ 0.6634 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6791 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
โจเซฟ เทรวิซานี นักวิเคราะห์จาก FXSolutions กล่าวว่า "ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เทรดเดอร์ได้เทขายสกุลเงินต่างๆออกมาอย่างหนักหน่วง ส่วนเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินปอนด์และเงินยูโรเกือบทุกสัปดาห์นับตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน"
เทรดเดอร์กำลังซึมซับกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศยุโรปจะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่เลวร้ายยิ่งกว่าในสหรัฐมาก ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะยิ่งสร้างแรงกดดันให้ธนาคารกลางยุโรปลดดอกเบี้ยหลายระลอก
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาสสามที่หดตัวลง 0.3%
ปัจจุบันนี้ อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษอยู่ที่ระดับ 4.5% ส่วนอัตราดอกเบี้ยของธนาคารยุโรปอยู่ที่ 3.75% ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ 1% จากระดับ 1.5%