กิจกรรมภาคการผลิตของจีนทรุดตัวลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนต.ค.2551 เนื่องจากวิกฤตการเงินทั่วโลกได้ทำให้อุปสงค์สินค้าส่งออกของจีนปรับตัวลดลง
CLSA Asia-Pacific Markets เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจีนปรับตัวลดลงสู่ระดับ 45.2 จุดในเดือนต.ค.จาก 47.7 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยิ่งตอกย้ำความวิตกกังวลว่า เศรษฐกิจของจีนที่มีอัตราการขยายตัวเร็วที่สุดในโลกอาจทรุดตัวลง เช่นเดียวกับออสเตรเลียที่รายงานถึงข้อมูลภาคอุตสาหกรรมที่หดตัวลงเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ขยายตัวลุกลามมายังประเทศในแถบเอเชีย-แปซิฟิก
"ดัชนี PMI ที่ร่วงลงอย่างรุนแรงในเดือนต.ค.เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าจีนกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจโลกมากขึ้น" อีริค ฟิชวิค นักวิเคราะห์จาก CLSA ในสิงคโปร์กล่าว "ภาคการผลิตของจีนกำลังเผชิญกับปัญหายอดสั่งซื้อที่ลดลงทั้งในและต่างประเทศอันเป็นผลพวงจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจทั่วโลก"
ทั้งนี้ ดัชนีภาคการผลิตปรับตัวลดลงแตะ 43.4 จุด ในเดือนต.ค.จากระดับ 46.7 จุดในเดือนกันยายน ขณะที่ดัชนียอดสั่งซื้อสินค้าร่วงลงสู่ 43.8 จุด จากที่เคยอยู่ในระดับ 45.8 จุด
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ พร้อมทั้งปรับลดสัดส่วนเพดานกันสำรองเงินฝาก และใช้นโยบายสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินหยวนเพื่อคุ้มครองตลาดแรงงานและกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
"ขณะนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับผู้ประกอบการชาวจีน เนื่องจากพวกเขากำลังเผชิญปัญหายอดสั่งซื้อที่ตกต่ำ" หวัง เทียน นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ในฮ่องกงกล่าว "รัฐบาลอาจใช้มาตรการต่างๆเพิ่มมากขึ้นเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจในยามที่เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ซึ่งรวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยลงอีกระลอก"