น.ส.อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) กล่าวว่า นักลงทุนยังคงให้ความสนใจที่จะขอรับส่งเสริมการลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง แม้สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับลดลงแล้วก็ตาม และเชื่อว่าจะมีการลงทุนในโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจริงตามที่ได้ขอบีโอไอไว้แล้ว
โดยในปี 50 มียอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มพลังงานทดแทนทุกประเภทรวม 88 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 70,000 ล้านบาท และในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา(ม.ก.-ก.ค.51) มียอดขอรับส่งเสริมการลงทุนแล้ว 22 โครงการ มูลต่าเงินลงทุนกว่า 8,000 ล้านบาท
สำหรับการขอส่งเสริมการลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเชื้อเพลิงชีวภาพ เช่น เอทานอล และไบโอดีเซล ซึ่งตั้งแต่มีการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนเมื่อปี 47 จนถึงปัจจุบัน บีโอไอได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตเอทานอลทั้งสิ้น 34 โครงการ กำลังการผลิตรวมกว่า 8.9 ล้านลิตรต่อวัน เป็นกิจการที่เปิดดำเนินการแล้ว 11 โครงการ กำลังการผลิตรวม 1.58 ล้านลิตรต่อวัน และมีอีกกว่า 12-13 โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าภายในต้นปี 52 จะเริ่มมีผลผลิตทยอยออกสู่ตลาดได้รวมไม่ต่ำกว่า 2 ล้านลิตรต่อปี
ส่วนการผลิตไบโอดีเซลมียอดการส่งเสริมรวม 19 โครงการ กำลังผลิต 5.4 ล้านลิตรต่อวัน แบ่งเป็น การผลิตจากปาล์มดิบ กับการผลิตจากน้ำมันพืชใช้แล้ว โดยปัจจุบันเปิดดำเนินการแล้ว 10 โครงการ กำลังผลิตรวม 2.4 ล้านลิตรต่อวัน
น.ส.อัจฉรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้การส่งเสริมลงทุนในกลุ่มพลังงานทดแทนสอดคล้องกับเป้าหมายที่กำหนดให้อยู่ในระดับ 8% ภายในปี 54 โดยเฉพาะปริมาณการผลิตเอทานอลที่จะเพียงพอต่อความต้องการในประเทศอย่างแน่นอน โดยบีโอไออยู่ระหว่างหารือกับกรมสรรพสามิตในการลดขั้นตอนขนส่งเอทานอลสำหรับการส่งออก เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถขยายตลาดส่งออกเอทานอลได้สะดวกมากขึ้น เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตพลังงานทดแทนในภูมิภาคได้ในอนาคต