รมว.พลังงาน เผยผู้ค้าสต๊อกน้ำมันปาล์มเพิ่มช่วยให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 3, 2008 16:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เผยขณะนี้ผู้ค้าน้ำมันในเครือ บมจ.ปตท.(PTT) ได้สต๊อกน้ำมันปาล์มเพิ่มเติมสำหรับใช้ผลิตน้ำมันไบโอดีเซล บี 5 ซึ่งช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรจากภาวะปาล์มล้นตลาดในประเทศจนส่งผลให้ราคาผลผลิตตกต่ำ

โดย ปตท., บมจ.ไออาร์พีซี(IRPC) และ บมจ.ไทยออยล์(TOP) จะรับซื้อน้ำมันปาล์มบริษัทละ 5 แสนลิตร ส่วน บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) จะรับซื้อจำนวน 6 แสนลิตร ในราคาตลาดที่ลิตรละ 22 บาท ขณะที่บริษัท ไทยโอลิโอเคมีคอล จำกัด(TOL) จะรับซื้อจำนวน 5 แสนลิตร ในราคาตลาดที่ลิตรละ 16 บาท ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นหลังกระทรวงพลังงานขอความร่วมมือ ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมอยู่ที่ลิตรละ 13-14 บาท โดยจะเริ่มดำเนินการภายในสัปดาห์นี้

รมว.พลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายที่จะยกเลิกการใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี2 แล้วหันมาบังคับให้ใช้ไบโอดีเซล บี 5 อย่างเดียว เนื่องจากขณะนี้ยังมีปริมาณวัตถุดิบไม่เพียงพอ ส่วนปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่ล้นตลาดขณะนี้เป็นเพียงบางช่วงเท่านั้น แต่ในอนาคตหากปริมาณปาล์มดิบมีเพียงพอก็อาจจะต้องพิจารณาตามความเหมาะสม

ส่วนการเพิ่มส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันไบโอดีเซล บี2 กับ บี 5 เพื่อดึงดูดให้ประชาชนหันมาใช้มากขึ้นนั้น รมว.พลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ นอกจากนี้จะเร่งให้เปิดสถานีบริการให้เพียงพอต่อการใช้ที่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีจำนวนกว่า 2,400 แห่ง

รมว.พลังงาน กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้(4 พ.ย.) จะประชุมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มในระยะสั้นและระยะยาว และวันที่ 5 พ.ย.นี้ กระทรวงพลังงานจะเสนอเรื่องการเร่งก่อสร้างโครงการใช้จ่ายในโครงการลงทุนขนาดใหญ่(เมกะโปรเจคต์) ในส่วนที่กระทรวงรับผิดชอบอยู่ราว 30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนในส่วนของ ปตท.ได้แก่ ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ การขยายสถานีบริการก๊าซธรรมชาติในรถยนต์(NGV) โรงแยกก๊าซธรรมชาติ สถานีรับก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) และโครงการสายส่งไฟฟ้าและโรงไฟฟ้าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)

ด้าน นายณอคุณ สิทธิพงษ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งเดินหน้าโครงการต่อไปโดยไม่ให้มีการชะลอโครงการอย่างเด็ดขาด เนื่องจากการลงทุนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานจะต้องใช้เวลาในการก่อสร้างอย่างน้อย 3-4 ปี แม้ในช่วงนี้ภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัวก็ต้องมีการเดินหน้าโครงการ เพราะในอนาคตหากเศรษฐกิจดีขึ้นความต้องการใช้จะมากขึ้นหากไม่ก่อสร้างในช่วงนี้ก็จะไม่สามารถดำเนินการได้ทันท่วงที


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ