ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: กระแสคาดยุโรป-อังกฤษลดดอกเบี้ย หนุนดอลล์พุ่งแรง

ข่าวต่างประเทศ Tuesday November 4, 2008 07:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) ก่อนที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะมีขึ้นในวันที่ 4 พ.ย.นี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มในตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐเพราะไม่ต้องการเสี่ยงเข้าลงทุนในสกุลเงินอื่นๆ นอกจากนี้ กระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษจะลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ ยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนนักลงทุนให้เข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐอย่างคับคั่งด้วย

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 99.040 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 98.440 เยน/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.1744 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1576 ฟรังค์/ดอลลาร์

ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.2639 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2730 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.5835 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.6068 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 0.5933 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.5820 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.6794 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6676 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย

ไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน คอร์ป กล่าวว่า "นักลงทุนแทบไม่ให้ความสนใจกับข้อมูลของสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐที่ระบุว่า ดัชนีชี้วัดกิจกรรมด้านการผลิตของโรงงานทั่วประเทศร่วงลงสู่ระดับ 38.9 จุด ในเดือนต.ค. จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 43.5 จุด ซึ่งดิ่งลงต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 41.5 จุดในเดือนต.ค."

"นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรปและอังกฤษในวันพฤหัสบนี้ โดยมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารทั้งสองจะลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์การเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก ซึ่งจะเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางจีน และธนาคารญี่ปุ่น (บีโอเจ)" วูลฟอล์คกล่าว

เฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 1.00% ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากธนาคารกลางจีนตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้ลงอย่างละ 0.27% ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่สามในรอบสองเดือน และต่อมาธนาคารกลางฮ่องกง ธนาคารกลางไต้หวัน และธนาคารกลางเกาหลีใต้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลงด้วย

ส่วนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บีโอเจมีมติลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.3% จากระดับปัจจุบันที่ 0.5% ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ โดยมีเป้าหมายที่จะปกป้องเศรษฐกิจจากวิกฤตด้านการเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก

นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) เดือนต.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานจะร่วงลงอีก 200,000 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 และคาดว่าดัชนีภาคการผลิตจะทรุดตัวลงรวดเร็วสุดในรอบ 7 ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ