ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) โดยดอลลาร์ดิ่งลงหนักสุดเมื่อเทียบกับยูโร เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ ซึ่งการลดดอกเบี้ยจะส่งผลให้สินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีมูลค่าน้อยลงและไม่น่าดึงดูดใจ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.3004 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2641 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.5964 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5837 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 99.710 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 99.130 เยน/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1617 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1737 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.6996 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6785 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.6050 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5926 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
โซเฟีย ดรอสรอส นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์กล่าวว่า วอลุ่มการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเบาบางมาก เนื่องจากชาวอเมริกันส่วนใหญ่ตื่นตัวกับการออกไปเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าจะมีธนาคารกลางยักษ์ใหญ่อีกหลายแห่งลดอัตราดอกเบี้ย
เฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 1.00% ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ธนาคารกลางจีนตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้ลงอย่างละ 0.27% ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่สามในรอบสองเดือน และต่อมาธนาคารกลางฮ่องกง ธนาคารกลางไต้หวัน และธนาคารกลางเกาหลีใต้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลงด้วย
ส่วนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บีโอเจมีมติลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.3% จากระดับปัจจุบันที่ 0.5% ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ โดยมีเป้าหมายที่จะปกป้องเศรษฐกิจจากวิกฤตด้านการเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก
ล่าสุดเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 5.25% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารกลางจะลดดอกเบี้ยลง 0.5% โดยมีเป้าหมายที่จะปกป้องเศรษฐกิจของประเทศให้สามารถรับมือกับวิกฤตการณ์การเงินทั่วโลกได้
ไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน คอร์ป กล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรปและอังกฤษในวันพฤหัสบนี้ โดยมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารทั้งสองจะลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์การเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก ซึ่งจะเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางจีน และธนาคารญี่ปุ่น (บีโอเจ)"