ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) คาดการณ์ว่าประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐ อังกฤษ ยุโรป และญี่ปุ่น จะประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งหนักสุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปีพ.ศ.2552
โดยคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของประเทศดังกล่าวจะขยายตัว -0.8% (ติดลบ) ในปีหน้า จากอัตราการขยายตัว 1.1% ในปีนี้ตามที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ ส่วนจีดีพีของโลกคาดว่า จะขยายตัวเพียง 1% ในปีหน้า ซึ่งถือว่าช้าสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1990 และน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่ 3.5%
เงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น การใช้จ่ายผู้บริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ลดลง ล้วนเป็นเหตุผลที่หนุนให้เศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจเข้าสู่ภาวะถดถอย และเศรษฐกิจในประเทศตลาดใหม่จะซบเซาตามไปด้วยเมื่อผนวกกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์และเม็ดเงินลงทุนหมุนเวียนที่ลดลง
แม้ธนาคารกลางหลายประเทศจะช่วยกันอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบธนาคารจนช่วยให้เศรษฐกิจหลายประเทศหลุดพ้นจากภาวะย่ำแย่ที่สุดมาได้ แต่คาดว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคและการลงทุนทางธุรกิจจะยังซบเซาไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากราคาสินทรัพย์กำลังลดลงอย่างหนักในขณะที่อัตราว่างงานก็พุ่งสูงขึ้น
ฟิทช์คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงเหลือเพียง 7% ในปีหน้า ซึ่งต่ำสุดในรอบเกือบ 20 ปี ส่วนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ BRICs (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน) คาดว่าจะอยู่ที่ 5.7%
นโยบายเศรษฐกิจมหภาคผนวกกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจฟื้นตัวขึ้นได้ภายในปี พ.ศ.2553 แม้การเติบโตทางเศรษฐกิจจะอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมาก็ตาม