นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง กล่าวว่า ได้ส่งสัญญาณให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ดูแลสภาพคล่องในระบบด้วยการพิจารณาปรับลดปริมาณการออกพันธบัตรในปี 52 เพื่อช่วยสภาพคล่องในระบบ เนื่องจากรัฐบาลมีแผนกู้เงินในประเทศเป็นจำนวนมาก ได้แก่ ชดเชยการขาดดุลงบประมาณหลังจากตั้งงบกลาง 1 แสนล้านบาท, การรับจำนำสินค้าเกษตร 1.1 แสนล้านบาท ขณะที่สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ในขณะนี้แม้จะมีอยู่มาก แต่ก็ไม่ได้ปล่อยเข้ามาในระบบ เพราะธนาคารพาณิชย์นำไปฝากกับ ธปท.ที่ได้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับประชาชนที่นำเงินมาฝาก
นอกจากนั้น ธปท.ยังควรพิจารณาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจ ซึ่งจะมีผลช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยอาร์พีควรจะอยู่ต่ำกวาอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
"ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยอาร์พีอยู่ที่ 3.75% ขณะที่แบงก์พาณิชย์ให้ดอกเบี้ยเงินฝากกับประชาชนแค่ 2-3% เท่านั้น แบงก์พาณิชย์ก็นำไปฝากต่อที่แบงก์ชาติ เพราะได้ดอกเบี้ยสูงกว่า" นายสุชาติ กล่าว
รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลต้องเร่งอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะคาดการณ์ว่าในปี 52 การส่งออกจะชะลอตัวลง นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ และปัญหาวิกฤติการเงินของโลกที่ส่งผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุน
รมว.คลัง ยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่อนุมัติให้มีการตั้งกองทุนเพื่อพยุงหุ้น เพราะไม่สามารถนำเงินภาษีของประชาชนมาทำให้เกิดความเสี่ยง และไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าจะต้องใช้เงินมากน้อยเพียงใดเพื่อแก้ปัญหาตลาดหุ้นที่ตกต่ำลง