นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) มีมติอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมีมูลค่ารวม 36,496 ล้านบาท ประกอบด้วย บริษัท การ์เดียนอินดัสทรีส์ คอร์ป จำกัด ขยายกิจการผลิตกระจกแผ่นเรียบและกระจกเงา มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,560 ล้านบาท ผลิตเพื่อป้อนอุตสาหกรรมทำเฟอร์นิเจอร์และการก่อสร้างเป็นหลัก,
บมจ.ไทยน็อคซ์ สเตนเลส(INOX) ขยายกิจการผลิตเหล็กแผ่นไร้สนิมรีดเย็นชนิดพื้นผิวมันเงา มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 4,604 ล้านบาท, บริษัท ไอชิน เอไอ(ประเทศไทย) จำกัด ขยายกิจการผลิตชุดขับเคลื่อน 4 ล้อ มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 2,810.3 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ที่ได้จะผลิตป้อนโครงการประกอบรถยนต์ของ บริษัท โตโยต้ามอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด,
บริษัท สยาม เอ็น เอส สเตียริ่ง ซิสเต็มส์ จำกัด ขยายกิจการผลิตชิ้นส่วนของแกนพวงมาลัยรถ มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,092 ล้านบาท, บริษัท มิตซูบิชิ เทอร์โบชาร์เจอร์ เอเซีย จำกัด ผลิต TURBOCHARGER, CARTRIDGE , BEARING HOUSING มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,764 ล้านบาท, บริษัท แดธสเปเปอร์ จำกัด ผลิตกระดาษหนังสือพิมพ์(NEWSPRINT) มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,320 ล้านบาท,
บริษัท ไทยแอร์เอเซีย จำกัด ขยายกิจการขนส่งทางอากาศ จำนวน 6 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 2,778.1 ล้านบาท, บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด ขยายกิจการขนส่งทางอากาศ มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 2,209.9 ล้านบาท, บริษัท เน็กซ์ แคน อินโนเวชั่น จำกัด ผลิตกระป๋อง มูลค่าเงินลงทุน 1,650 ล้านบาท, บริษัท ไทย เอ บี เอส จำกัด ขยายกิจการผลิตเม็ดพลาสติก ABS/SAN มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 2,380 ล้านบาท,
บริษัท คุณนที จำกัด ขยายกิจการขนส่งทางเรือ มูลค่าเงินลงทุน 1,254 ล้านบาท, นายณรงค์ บุณยสงวน ดำเนินกิจการขนส่งทางเรือ มูลค่าเงินลงทุน 3,497.4 ล้านบาท, บริษัท พีทีที ยูทิลิตี้ จำกัด ขยายกิจการผลิตไอน้ำ น้ำร้อน และน้ำปราศจากแร่ธาตุ มูลค่าเงินลงทุน 2,360 ล้านบาท และบริษัท ลัคกี้ สปินนิ่ง จำกัด ขยายกิจการผลิตเส้นด้าย มูลค่าเงินลงทุน 2,216.3 ล้านบาท
ด้าน พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะประธานบอร์ดบีโอไอ กล่าวว่า ขณะนี้มีภาคเอกชนได้รับการส่งเสริมการลงทุนแล้ว 219 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 106,118 ล้านบาท