นักวิเคราะห์คาดว่า นายบารัค โอบามา ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะใช้เวลาที่มีอยู่ในฐานะว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ไปกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศให้พลิกฟื้นจากวิกฤตการเงินโลก ก่อนที่จะถึงพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐที่กำหนดไว้ในวันที่ 20 มกราคม 2552
ทั้งนี้ โอบามามีเรื่องที่จะต้องดำเนินการมาก โดยเฉพาะภารกิจด้านเศรษฐกิจ นอกเหนือไปจากการสร้างงานและการลงทุนในโครงการสาธารณะต่างๆแล้ว โอบามายังมีแผนที่จะปรับเปลี่ยนให้คนรวยจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น ขยายขอบเขตการดูแลรักษาสุขภาพชาวอเมริกัน และประเมินข้อตกลงด้านการค้าเสรีต่างๆของรัฐบาลสหรัฐ
บลูมเบิร์กรายงานว่า แอนดรูว์ ลาแปร์ริแอร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สแตรทิจี แอนด์ อินเวสเมนท์ กรุ๊ป กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงต่างๆที่จะเกิดขึ้นนั้นจะกินวงกว้างกว่าที่ได้มีการคาดการณ์กันไว้มาก ตั้งแต่เรื่องภาษีไปจนถึงเรื่องพลังงานและการดูแลสุขภาพ ซึ่งถือเป็นวาระที่สำคัญ
ระยะเวลา 2 เดือนครึ่งก่อนที่จะถึงพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.นั้น ความท้าทายที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐจะต้องรับมือคือการทำงานร่วมกับทีมบริหารของบุชในเรื่องการถ่ายทอดงานต่างๆ
บุชจะจัดการประชุมสุดยอดขึ้นในวันที่ 15 พ.ย.นี้ เพื่อหารือเรื่องยุทธศาสตร์ระยะยาวในการป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตการเงินขึ้นอีก ซึ่งอาจจะทำให้โอบามาอยู่ในจุดยืนที่กระอักกระอ่วน เนื่องจากเขาจะต้องถูกกดดันให้แสดงความคิดเห็นและมุมมองในที่ประชุมที่ตนเองยังไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ