IMF คาดประเทศมหาอำนาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า

ข่าวต่างประเทศ Friday November 7, 2008 09:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น จะหดตัวลงในปีหน้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจเข้าสู่ภาวะถดถอยนับตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2

ไอเอ็มเอฟแนะนำว่า รัฐบาลของประเทศดังกล่าวต้องใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อยับยั้งภาวะถดถอย ในขณะเดียวกันธนาคารกลางของบางประเทศควรลดดอกเบี้ยอีก แต่ไม่ได้ระบุว่าประเทศใดบ้าง

"ในวินาทีนี้รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมากที่สุด" โอลิเวียร์ บลังชาร์ด หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟ กล่าว

"เราคิดว่าสหรัฐยังสามารถใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีก เช่นเดียวกับยุโรปและจีน" จอร์ก ดีเครสซิน หัวหน้าฝ่ายศึกษาเศรษฐกิจโลกของไอเอ็มเอฟ กล่าว

สภาพการณ์ในปัจจุบันค่อนข้างย่ำแย่นับตั้งแต่ที่ไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วลงสู่ระดับหดตัว 0.3% จากที่เคยคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.5%

สำหรับปีหน้า ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 2.2% ลดลงจาก 3% ที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้ว

ด้านเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 0.7% จากที่เคยคาดว่าจะขยายตัว 0.1% ส่วนเศรษฐกิจยุโรปจะหดตัวลง 0.5% จากที่เคยคาดไว้ว่าจะขยายตัว 0.2%

"ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีสาเหตุหลัก 2 ประการ ประการแรกคือความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคเอกชนที่ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากที่เศรษฐกิจซบเซามานาน ในที่สุดพวกเขาก็เกิดความกลัวและตัดสินใจใช้เงินให้น้อยลง" บลังชาร์ด กล่าว "ประการที่สองคือวิกฤตการเงินที่ลุกลามไปยังตลาดเกิดใหม่"

นอกจากนั้นราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงหนักก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ร่วงลงกว่า 50% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เมื่อเทียบสัดส่วนประชากร ถือว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบันมีความรุนแรงเทียบเท่ากับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1970 และต้นทศวรรษที่ 1980 โดยไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงปลายปีหน้า สำนักข่าวเอพีรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ