นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องซื้อคืนพันธบัตรที่ธปท.ได้ออกไปในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากสภาพคล่องในระบบยังมีเพียงพอ แต่ ธปท.ก็พร้อมจะพิจารณาลดการ Rollover พันธบัตรชุดเดิมในปี 52 ลง
"ขณะนี้สภาพคล่องในประเทศยังมีเพียงพอ ที่ผ่านมาค่าเงินมีความผันผวนช่วง 2-3 ปี จึงมีความจำเป็นต้องออกพันธบัตรเพื่อดึงสภาพคล่องส่วนเกินประมาณ 1 ล้านล้านบาท ถือว่าเป็นการดำรงสถานะตามกฎหมายกำหนด แต่ขณะเดียวกันยังมีสภาพคล่องอีก 1 ล้านล้านบาทน่าจะเพียงพอต่อความต้องการ" ผู้ว่า ธปท. กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มองว่าความต้องการสินเชื่อก็ลดน้อยลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงด้วย โดย ณ สิ้นวันในแต่ละวันมีเงินไหลกลับเข้ามาผ่านการทำธุรกรรมอินเตอร์แบงก์ หรือการฝากเงินประมาณ 4-5 แสนล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการสินเชื่อลดลง เพราะคนที่เคยคิดจะลงทุนก็อาจจะทบทวนแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ผู้ว่าการ ธปท. ระบุอีกว่า เท่าที่ได้หารือกับธนาคารพาณิชย์ ยอมรับว่าขณะนี้ธนาคารพาณิชย์หันไปปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการขนาดใหญ่มากกว่า เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อยกว่า ขณะที่การปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจขนาดกลาง และ SMSs ยังมีความกังวลอยู่ ดังนั้น หากมีเครื่องมือช่วยลดความเสี่ยงผ่านการค้ำประกันโดยภาครัฐก็จะช่วยลดความเสี่ยงของธนาคารพาณิชย์ได้ ซึ่งสามารถดำเนินการผ่านธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอี แบงก์) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่อยู่ระหว่างการควบรวมกิจการกัน