นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้เศรษฐกิจของไทยเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วเห็นได้จากดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจหลายตัว ดังนั้น จึงเห็นว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ควรจะเรียกประชุมด่วน โดยไม่ต้องรอให้ถึงกำหนดในเดือน ธ.ค.51 เพื่อพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25-0.50% ซึ่งจะช่วยส่งสัญญาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
เนื่องจากขณะนี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในช่วงขาลง แม้ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ จะได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปกันบ้างแล้ว นอกจากนี้ยังเห็นว่าภาคการเงินในปี 52 สภาพคล่องเริ่มเข้าสู่ภาวะตึงตัว ดังนั้นการลดดอกเบี้ยในประเทศจะช่วยทำให้ต้นทุนของภาคธุรกิจปรับลดลงได้ โดยดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นตัวชี้นำการลดดอกเบี้ยในตลาดเงิน
"คงไม่สามารถบอกได้ว่าจะต้องลดดอกเบี้ยอีกมากน้อยแค่ไหนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก แต่เห็นว่าขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่แบงก์ชาติต้องเรียกประชุมด่วน เพื่อลดดอกเบี้ยเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัว"นายนิพนธ์ ระบุ
ประธานทีดีอาร์ไอ ยังสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการเพิ่มงบประมาณกลางปี 52 อีก 1 แสนล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะปัจจุบันหนี้สาธารณะของไทยอยู่ในระดับต่ำประมาณ 38%ของจีดีพี และยังมีช่องทางที่จะก่อหนี้เพื่อนำมากระตุ้นเศรษฐกิจได้โดยไม่กระทบต่อวินัยทางการเงินการคลัง
พร้อมกันนี้ ยังเสนอแนะว่าการใช้นโยบายขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลควรนำมาใช้เฉพาะเหตุจำเป็นและไม่ควรจะขาดดุลงบประมาณนานติดต่อกันหลายปีเกินไป
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ว่าหลายประเทศที่เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เช่น สหรัฐฯที่มีหนี้สาธารณะสูงถึง 50%ของจีดีพี หรือญี่ปุ่นที่มีหนี้สาธารณะสูงถึง 80% ของจีดีพี แต่รัฐบาลของประเทศเหล่านี้ยังมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ