มอร์แกน สแตนลีย์ ได้แนะให้นักลงทุนเทขายเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย เนื่องจากสกุลเงินดังกล่าวอาจอ่อนค่าลง 29% ขณะที่ค่าเงินกำลังทำสถิติร่วงหนักเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
เนด รัมเพลติน นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์กล่าวว่า เงินดอลลาร์ออสเตรเลียซึ่งร่วงลง 27% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาอาจร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดที่ 47.75 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำเทขายสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงและกลับเข้าไปซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยงอย่างเงินดอลลาร์สหรัฐแทน
"กระแสความตื่นตระหนกต่อระบบการเงินอาจเริ่มแผ่วลง แต่ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังจะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งเรามองว่าค่าเงินจะตกต่ำลงอีก" รัมเพลตินกล่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 12.07 น.ตามเวลาท้องถิ่น เงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง 2.5% แตะที่ 66.20 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลียจากระดับ 67.86 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์เมื่อวานนี้
มอร์แกน สแตนลีย์ได้ปรับลดคาดการณ์เงินดอลลาร์ออสเตรเลียเมื่อเดือนที่แล้ว โดยคาดว่าจะอ่อนค่าลงสู่ระดับ 57 เซนต์ในปลายปีนี้ และจากนั้นจะหล่นลงสู่ระดับ 47 เซนต์ในเดือนมิ.ย.2552 หลังจากที่สกุลดังกล่าวเริ่มอ่อนค่าลงนับตั้งแต่เลห์แมน บราเธอร์ส อิงค์ประสบภาวะล้มละลายเมื่อเดือนก.ย.จากผลกระทบของวิกฤตสินเชื่อ ขณะที่ตลาดหุ้นดิ่งลงท่ามกลางความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ขยายวงกว้างไปทั่วโลก
ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า ในปีหน้าเศรษฐกิจของสหรัฐ ญี่ปุ่น และยุโรปจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 และคาดว่าเศรษฐกิจออสเตรเลียจะขยายตัว 1.8% .ในปีงบประมาณ 2552 ขณะที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.04 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (6.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และธนาคารกลางออสเตรเลียกระหน่ำลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการขยายตัวเศรษฐกิจในประเทศ