ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโรแต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับปอนด์และเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขอัตราว่างงานสหรัฐเดือนต.ค.ว่าพุ่งขึ้น 6.5% แตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2760 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.2700 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.5673 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5605 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 98.270 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 97.750 เยน/ดอลลาร์ แต่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินฟรังค์ที่ 1.1769 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1783 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.6760 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 0.6647 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.5889 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5860 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค.ว่าอยู่ที่ 6.5% โดยได้มีการลดตำแหน่งงานลงไป 240,000 ตำแหน่ง ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น
เงินดอลลาร์ได้รับัจจัยหนุนจากข่าวลบต่างๆ สัญญาณที่บ่งชี้เรื่องเศรษฐกิจที่ถดถอยนั้นไม่ได้ทำให้นักลงทุนวิตกกังวล ส่งผลให้นักลงทุนเลี่ยงลงทุนในตลาดหุ้นและสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ และหันไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล