ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 พ.ย.) เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ข่าวที่ว่ารัฐบาลสหรัฐเตรียมอัดฉีดเงินทุนเพิ่มเติมให้กับบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ยิ่งทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 97.930 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 98.270 เยน/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1761 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1786 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.2775 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.2736 ดอลลาร์/ยูโร ค่าเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.5638 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5673 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลงแตะระดับ 0.5852 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5900 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลงแตะระดับ 0.6750 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6757 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
รัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน ซึ่งภายใต้มาตรการนี้ รัฐบาลจีนจะจัดสรรงบประมาณมูลค่า 1 แสนล้านหยวนมาใช้เบื้องต้นในไตรมาสนี้ โดยจะมุ่งเน้นเรื่องการสร้างที่อยู่อาศัยต้นทุนต่ำ, ถนน, ทางรถไฟ, สนามบิน และสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานในเมือง ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้จนถึงปีพ.ศ.2553
ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนอนุญาตให้มีการลดภาษีซื้อสินทรัพย์คงที่ อาทิ เครื่องจักร เพื่อกระตุ้นการลงทุน และคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทผลิตเครื่องจักรประหยัดต้นทุนได้ถึง 1.20 แสนล้านหยวน ทั้งนี้คาดว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะเป็นประโยชน์กับบริษัทข้ามชาติที่เข้าไปทำธุรกิจในจีน อาทิ เจนเนอรัล อิเล็กทริก และคาเตอร์พิลลาร์
บ็อบ ซิง นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ อเมริกา กล่าวว่า "มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า การที่ยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจอย่างจีนลุกขึ้นมาใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่าสูงถึง 1 ใน 5 ของตัวเลข GDP อาจทำให้หลายประเทศตัดสินใจใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของตนเอง รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย"
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพราะความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศมาตรการช่วยเหลือทางการเงินครั้งใหม่แก่บริษัท AIG มูลค่ากว่า 1.50 แสนล้านดอลลาร์ และ AIG อาจได้รับสิทธิพิเศษในการใช้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงและได้รับการยืดระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ที่ยาวนานขึ้นในรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ภายใต้การนำของ บารัค โอบามา ซึ่งจะช่วยให้ AIG สามารถหลีกเลี่ยงการล้มละลาย หลังจากขาดทุนรวมใน 3 ไตรมาสกว่า 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์